'ไก่แจ้' ทุ่ม 100 ล้าน ตีตลาด "ข้าวถุง"
ชี้! ทิศตลาดข้าวถุงไทยแข่งดุ 'ไก่แจ้' เร่งปรับแผน ปูพรมทั้งโมเดิร์นเทรด-โชวห่วย เล็งเปิดตัวน้องใหม่ "ข้าวตรากระเช้า" ประกบ พร้อมทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เดินเครื่องกิจกรรมทางการตลาดครบวงจร หวังโกยยอดขายสิ้นปี 3,000 ล้านบาท
นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุง 'ไก่แจ้' เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมการแข่งขันในตลาดข้าวถุงเมืองไทยในปัจจุบันรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีผู้เล่นออกมารุกตลาดจำนวนมากตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยจะมีแบรนด์ใหม่ ๆ เปิดตัวมาแทบทุกวัน อย่างไรก็ดี แม้ราคาจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการทำตลาดข้าวถุง แต่ทว่าราคา คือ สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต่างใช้กลยุทธ์เรื่องราคามาเป็นจุดขายหลัก ซึ่งโจทย์หลักของบริษัทต่อจากนี้ คือ ทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อมั่นและสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ สามารถเข้าถึงได้ในทุกพื้นที่มากกว่าการให้ความสำคัญในเรื่องราคา
[caption id="attachment_384694" align="aligncenter" width="334"]
ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล[/caption]
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยจะโฟกัสการขยายตลาดเข้าไปยังโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนัลเทรด หรือ โชวห่วย มากขึ้น ทั้งในส่วนของการผลักดันสินค้าให้เข้าไปยังช่องทางทั้ง 2 ช่องทางดังกล่าว ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่การเปิดตัวสินค้าใหม่ การสำรวจความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่แล้ว จากปัจจุบันที่บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด 20-30% และเทรดดดิชันนัลเทรดมากขึ้น 70-80%
"ต้องยอมรับว่า ธุรกิจข้าวถุงทำง่าย แค่พิมพ์ถุงออกมาก็สามารถวางจำหน่ายได้ แต่โจทย์หลักในการทำตลาดอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้แบรนด์ติดตลาด ผู้บริโภคเกิดการซื้อซํ้าจนเป็น "แบรนด์ อะแวร์เนส" นั่นคือ โจทย์ที่ยาก ซึ่งสิ่งที่เรามุ่งมั่นในการทำมากกว่าการเป็นแบรนด์ข้าวถุงทั่วไป แต่ต้องเป็นที่จดจำและลูกค้าเลือกซื้อ โดยมีคีย์ซักเซสหลักในการทำตลาด คือ ราคาและคุณภาพต้องสมเหตุสมผลกัน และคุณภาพต้องสมํ่าเสมอเท่ากันทุกถุง"
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัวข้าวตรากระเช้าออกมา โดยวางเป้าหมายในการเจาะตลาดแมสจำหน่ายในราคาเข้าถึงง่าย ไปจนถึงรายการสินค้าที่เจาะตลาดพรีเมียมในระดับราคาที่สูง และบางรายการจะเป็นการเจาะเข้าไปในตลาดที่แบรนด์ไก่แจ้ยังไม่มี ไม่ว่าจะเป็น ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ในราคาถูกลง ข้าวเสาไห้ เป็นต้น หรือจะเรียกว่าเป็นไฟติ้งแบรนด์ของแบรนด์ไก่แจ้ก็ว่าได้ โดยจะตอบโจทย์ในสิ่งที่ข้าวตราไก่แจ้ไม่มี
"แต่ละพื้นที่ที่บริษัทไปทำตลาด จะมองเห็นโอกาสทางการเติบโตของสินค้าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น บริษัทจึงพยายามมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ในแต่ละท้องที่มากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้จะเริ่มสร้างแบรนด์กระเช้าควบคู่ไปกับไก่แจ้มากขึ้น และแน่นอนว่าจะไม่สร้างแบรนด์ 2 แบรนด์ขึ้นมาเพื่อแข่งกันเอง แต่จะมีการสร้างควบคู่กันไป"
พร้อมกันนี้ ยังได้วางงบการตลาดตลอดทั้งปีนี้ไว้ที่ 70-100 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยจะโฟกัสแบรนด์ไก่แจ้เป็นหลัก เพราะต้องการสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบัน แบรนด์ไก่แจ้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้และเป็นที่ยอมรับ ขณะที่ แบรนด์ข้าวตรากระเช้าจะเป็นการเจาะตลาดในสิ่งที่แบรนด์ไก่แจ้ไม่มี อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถปิดยอดขายทั้งในและต่างประเทศได้ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ ขณะที่ ในปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 3,000 ล้านบาท
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,442 วันที่ 7 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุง 'ไก่แจ้' เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมการแข่งขันในตลาดข้าวถุงเมืองไทยในปัจจุบันรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีผู้เล่นออกมารุกตลาดจำนวนมากตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยจะมีแบรนด์ใหม่ ๆ เปิดตัวมาแทบทุกวัน อย่างไรก็ดี แม้ราคาจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการทำตลาดข้าวถุง แต่ทว่าราคา คือ สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต่างใช้กลยุทธ์เรื่องราคามาเป็นจุดขายหลัก ซึ่งโจทย์หลักของบริษัทต่อจากนี้ คือ ทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อมั่นและสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ สามารถเข้าถึงได้ในทุกพื้นที่มากกว่าการให้ความสำคัญในเรื่องราคา
[caption id="attachment_384694" align="aligncenter" width="334"]
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยจะโฟกัสการขยายตลาดเข้าไปยังโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนัลเทรด หรือ โชวห่วย มากขึ้น ทั้งในส่วนของการผลักดันสินค้าให้เข้าไปยังช่องทางทั้ง 2 ช่องทางดังกล่าว ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่การเปิดตัวสินค้าใหม่ การสำรวจความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่แล้ว จากปัจจุบันที่บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด 20-30% และเทรดดดิชันนัลเทรดมากขึ้น 70-80%
"ต้องยอมรับว่า ธุรกิจข้าวถุงทำง่าย แค่พิมพ์ถุงออกมาก็สามารถวางจำหน่ายได้ แต่โจทย์หลักในการทำตลาดอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้แบรนด์ติดตลาด ผู้บริโภคเกิดการซื้อซํ้าจนเป็น "แบรนด์ อะแวร์เนส" นั่นคือ โจทย์ที่ยาก ซึ่งสิ่งที่เรามุ่งมั่นในการทำมากกว่าการเป็นแบรนด์ข้าวถุงทั่วไป แต่ต้องเป็นที่จดจำและลูกค้าเลือกซื้อ โดยมีคีย์ซักเซสหลักในการทำตลาด คือ ราคาและคุณภาพต้องสมเหตุสมผลกัน และคุณภาพต้องสมํ่าเสมอเท่ากันทุกถุง"
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัวข้าวตรากระเช้าออกมา โดยวางเป้าหมายในการเจาะตลาดแมสจำหน่ายในราคาเข้าถึงง่าย ไปจนถึงรายการสินค้าที่เจาะตลาดพรีเมียมในระดับราคาที่สูง และบางรายการจะเป็นการเจาะเข้าไปในตลาดที่แบรนด์ไก่แจ้ยังไม่มี ไม่ว่าจะเป็น ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ในราคาถูกลง ข้าวเสาไห้ เป็นต้น หรือจะเรียกว่าเป็นไฟติ้งแบรนด์ของแบรนด์ไก่แจ้ก็ว่าได้ โดยจะตอบโจทย์ในสิ่งที่ข้าวตราไก่แจ้ไม่มี
"แต่ละพื้นที่ที่บริษัทไปทำตลาด จะมองเห็นโอกาสทางการเติบโตของสินค้าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น บริษัทจึงพยายามมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ในแต่ละท้องที่มากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้จะเริ่มสร้างแบรนด์กระเช้าควบคู่ไปกับไก่แจ้มากขึ้น และแน่นอนว่าจะไม่สร้างแบรนด์ 2 แบรนด์ขึ้นมาเพื่อแข่งกันเอง แต่จะมีการสร้างควบคู่กันไป"
พร้อมกันนี้ ยังได้วางงบการตลาดตลอดทั้งปีนี้ไว้ที่ 70-100 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยจะโฟกัสแบรนด์ไก่แจ้เป็นหลัก เพราะต้องการสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบัน แบรนด์ไก่แจ้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้และเป็นที่ยอมรับ ขณะที่ แบรนด์ข้าวตรากระเช้าจะเป็นการเจาะตลาดในสิ่งที่แบรนด์ไก่แจ้ไม่มี อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถปิดยอดขายทั้งในและต่างประเทศได้ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ ขณะที่ ในปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 3,000 ล้านบาท
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,442 วันที่ 7 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
