“ออฟฟิศเมท”ตั้งเป้ายอดขายปี 59 โตกว่า 7.5 พันล้านบาท

15 มี.ค. 2559 | 07:46 น.
“ออฟฟิศเมท” เผยผลประกอบการปีที่ผ่านมา เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ มั่นใจธุรกิจปี 59 เติบโตต่อเนื่อง คาดมีรายได้เติบโตกว่า 7.5 พันล้านบาท พร้อมส่งสินค้าใหม่ในกลุ่มอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานกว่า 3,500 รายการรุกตลาด พร้อมขยายสาขาออฟฟิศเมทเพิ่มทั้งในและต่างประเทศรองรับปีแห่งการเข้าสู่ AEC มั่นใจครองความเป็นแบรนด์อันดับ 1 ตั้งเป้ายอดขายภายในประเทศหนึ่งหมื่นล้านในอีก 5 ปีข้างหน้า

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในปีผ่านมาว่า ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปี 2558 บริษัทฯ เติบโตขึ้นจากปีก่อน มีรายได้รวมทั้งสิ้น 10,827 ล้านบาท โตขึ้น 9.2% อันเป็นผลมาจากการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ในการบริหารและดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มปริมาณสินค้าและบริการต่างๆ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าและธุรกิจกลุ่มต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมและครบวงจร เพื่อก้าวเป็นผู้นำ ที่เป็นเลิศในธุรกิจด้านการค้าปลีก และระบบค้าปลีกออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจออฟฟิศเมท จะเป็นกลุ่มธุรกิจแรกของบริษัทฯ ที่พร้อมจะก้าวสู่เออีซี โดยการขยายสาขาเพิ่มที่ประเทศเวียดนามในปีนี้ คาดว่า ปี 2559 นี้ ธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ จะเติบโตที่ 10% หรือประมาณ 11,900 ล้านบาท

นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจออฟฟิศเมท เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจออฟฟิศเมทในปี 2559 นี้ ยังคงเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์สำนักงาน อันดับ 1 ของประเทศ มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหน้าร้าน (Store)  Call Center และขายผ่านระบบออนไลน์ เว็บไซต์ และ โมบายแอพพลิเคชั่น ที่เราได้เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยออฟฟิศเมทมีสินค้าที่ใหม่ หลากหลายและครบครัน ตอบโจทย์ทุกประเภทและขนาดของธุรกิจ ทำให้เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น สินค้าที่ออฟฟิศเมทขายมีการแสดงราคาสินค้าชัดเจน อีกทั้งการบริหารงานด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพพร้อมบริการจัดส่งที่ให้ความสะดวก รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกองค์กรได้เป็นอย่างดี

ในปี 2559 คาดหวังรายได้รวมของธุรกิจออฟฟิศเมทจะเติบโตประมาณ 15% คิดเป็นมูลค่า 7,500 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นยอดขายผ่านหน้าร้านสาขาต่างๆ  (Store)  ที่ 49% และยอดขายผ่านช่องทาง Call Center  ที่ 36% และยอดขายช่องทางอีคอมเมิร์ซ อีก 15% โดยตั้งงบลงทุนถึง 350 ล้านบาท เพิ่อสนับสนุนกิจกรรมของธุรกิจออฟฟิศเมท แบ่งเป็นกิจกรรมทางการตลาด 150 ล้านบาท การก่อสร้างสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาใหม่กว่า 100 ล้านบาท และการพัฒนาปรับปรุงระบบการบริหารงานด้านคลังสินค้า  โลจิสติกส์และCall Center กว่า 100 ล้านบาท

ปี 2558 ที่ผ่านมาการขายสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซเติบโตถึง 45%  โดยปีนี้คาดหวังการขายสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซจะเติบโต 55%  คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท (เว็บไซต์ www.officemate.co.th 50%  ระบบสั่งซื้อออนไลน์ e-Procurement 40% และ  Mobile Application 10%)   ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจ e-commerce ในปัจจุบันที่มีการพัฒนาและเติบโตขึ้น ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าสามารถบรรลุเป้ายอดขายภายในประเทศ 10,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอนภายในปี 2563   และในช่วงกลางปีนี้ ออฟฟิศเมทจะออก Viral Campaign ชุดใหม่ เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ทางเลือกที่ดีที่สุดตอบโจทย์ทุกธุรกิจ (Best Choice for Business Solution)”

“ในปีที่ผ่านสินค้าทุกหมวดของออฟฟิศเมทได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้าโดยเติบโตถึง 10% โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์และเก้าอี้สำนักงาน home office อย่าง เฟอร์ราเดค(Furradec) และเก้าอี้ผู้บริหารและเก้าอี้สำนักงานอย่างเลซี่บอย(Lazboy), เซอร์ต้า(Serta)  สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ นอกเหนือไปจากการให้ความสำคัญกับการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง    e-commerce แล้ว ธุรกิจออฟฟิศเมท ยังได้เพิ่มจำนวนรายการสินค้า private brand อีกกว่า 3,500 รายการ ได้แก่ สินค้าประเภทเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานภายใต้แบรนด์น้องใหม่ “One” กว่า 1,000 รายการ เพื่อเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับธุรกิจทุกประเภท รวมทั้งสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำนักงานคุณภาพและหมวดอุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ อีก กว่า 2,500 รายการ รุกตลาดเพิ่มขึ้น ตอกย้ำให้ออฟฟิศเมทเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของกลุ่มนักธุรกิจองค์กร ธุรกิจ SMEs ทั่วประเทศ   ทำให้เรามีจำนวนรายการสินค้ามากกว่า 15,000 รายการที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุม”

ด้านการขยายสาขา บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องและเพื่อรองรับปีแห่งการเข้าสู่ AEC จึงได้วางแผนขยายสาขาเพิ่มที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะคาดว่าเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2559 นี้ สำหรับในประเทศไทย เมื่อสิ้นปี 2558  มี 60 สาขา (เปิดสาขาทั้งสิ้น 8 สาขา กรุงเทพและปริมลฑล 6 สาขา ภาคใต้  1 สาขา ภาคตะวันออก 1 สาขา)  และในปีนี้ ตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 8 สาขา รวมเป็น 68 สาขาทั่วประเทศภายในปี 2559 แบ่งเป็นกรุงเทพและปริมลฑล 6 สาขา ภาคใต้ 1 สาขา ภาคเหนือ 1 สาขา ในย่านธุรกิจใหม่และตามหัวเมืองสำคัญๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น พร้อมปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยสวยงาม มีการจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบและหมวดหมู่ เพื่อการหาซื้อสินค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เปิดสาขาใหม่ล่าสุด 3 แห่ง ได้แก่ สาขาเทสโก้โลตัส จังหวัดพิษณุโลก   สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์  และ สาขาบิ๊กซีหัวหมาก ไปเป็นที่เรียบร้อยและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของธุรกิจออฟฟิศเมท

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายและสั่งซื้อสินค้าผ่าน Call Center นับเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ที่ออฟฟิศเมทไม่เคยหยุดนิ่งให้การปรับปรุงมาตรฐานการให้บริการทั้งในเรื่องของระบบตอบรับอัตโนมัติและบุคคลากร  โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ ได้เปิดออฟฟิศเมท Call Center สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ณ หัวหมาก ทาวน์ เซ็นเตอร์ รามคำแหง 27 เพื่อรองรับการขยายตัวของการให้บริการ ให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นศูนย์ Call Center ต้นแบบทีมีวิธีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ และยังเปิดให้ธุรกิจต่างๆ ที่สนใจมาศึกษาเรียนรู้วิธีการบริหารจัดการได้อีกด้วย และในปีนี้จะเข้าร่วมประกวด The Best Thailand Contact Center Awards

ออฟฟิศเมท มีระบบสั่งซื้อออนไลน์สำหรับลูกค้าองค์กร e-Procurement Smart Purchase Solution ที่ช่วยลดขั้นตอน ลดปริมาณเอกสาร ลดต้นทุน ที่สำคัญ คือโปร่งใสตรวจสอบได้ ตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ในการจัดซื้อสินค้าขององค์กรต่างๆ สะดวกและรวดเร็วขึ้น

“ออฟฟิศเมทยังมีบริการธุรกิจอื่นๆ (Customized Service Specialist) ที่ให้บริการ ณ ร้านสาขาต่างๆ  อาทิ Pack Post Express Service บริการส่งพัสดุด่วนทั่วประเทศ  Printing Solution รับผลิตงานพิมพ์คุณภาพครบวงจร Premium Corner บริการรับผลิตสินค้าพรีเมี่ยม  เพียงมียอดสั่งซื้อขั้นต่ำ 499 บาท บริการจัดส่งทั่วประเทศด้วยระบบการจัดส่งสินค้าภายใน  1 วันในเขตเมือง ” นางสาววิลาวรรณ กล่าวเสริม