ส่งออกอาหารไทย ปี 61 พุ่ง 1 ล้านล้าน! แซง 'อินเดีย' ครองอันดับ 12 โลก

01 ก.พ. 2562 | 07:00 น.
ส่งออกอาหารไทย ปี 61 ทะลุ 1.0 ล้านล้าน โตขึ้นจากปีก่อน 1.6% ข้าวยังนำโด่งส่งออกอันดับ 1 ชี้! ตลาดใหญ่สุดของอาหารไทยอยู่ในกลุ่มอาเซียน ขณะส่วนแบ่งในตลาดโลกครองอันดับ 12 แซงหน้าอินเดีย เล็งปี 62 ยอดโต 8.5% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงเพียบ

นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า จากที่ 3 องค์กร ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันอาหาร ได้ร่วมกันรวบรวมข้อมูล พบว่า การส่งออกอาหารของไทยในปี 2561 มีมูลค่า 1,031,956 ล้านบาท หรือในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ มีมูลค่า 32,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.6% และ 7.3% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2560 ขณะที่ การนำเข้าสินต้าอาหารของไทยในปี 2561 มีมูลค่า 385,499 ล้านบาท หรือมูลค่า 11,937 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.2% และ 6.2% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปี 2560

สินค้าส่งออกอันดับ 1 ยังคงเป็นข้าว มีสัดส่วนส่งออก 17.5% มูลค่าส่งออก 180,116 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ไก่ สัดส่วนร้อยละ 10.7 มูลค่าส่งออก 110,116 ล้านบาท อันดับที่ 3-5 ได้แก่ น้ำตาลทราย ปลาทูน่าปรุงแต่ง และกุ้ง สัดส่วน 8.5, 7.1 และ 5.7% ตามลำดับ กลุ่มสินค้าหลักที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2560 มีจำนวน 7 สินค้า ได้แก่ ข้าว (+8.0%) ไก่ (+13.4%) ปลาทูน่าปรุงแต่ง (+9.5%) แป้งมันสำปะหลัง (+33.1%) เครื่องปรุงรส (+12.5%) มะพร้าว (+19.7%) และอาหารพร้อมรับประทาน (+10.6) ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง มี 3 สินค้า ได้แก่ น้ำตาลทราย (-3.0%) กุ้ง (-12.7%) และสับปะรด (-27.8%)

 

[caption id="attachment_382895" align="aligncenter" width="503"] ยงยุทธ์ เสาวพฤกษ์ นายยงวุฒิ  เสาวพฤกษ์[/caption]

โดยญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกอาหารของไทยอันดับที่ 1 รองลงมา ได้แก่ จีน (อันดับ 2), เวียดนาม (4), อินโดนีเซีย (5), เมียนมา (6), กัมพูชา (7), มาเลเซีย (8) และฟิลิปปินส์ (9) จะเห็นได้ว่า ตลาดอาหารสำคัญของไทย 6 ใน 8 ประเทศ ตั้งอยู่ในภูมิภาคอาเซียน แต่หากพิจารณาในกลุ่มภูมิภาคจะพบว่า อาเซียนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าส่งออก 293,172 ล้านบาท สัดส่วน 28.4% ของมูลค่าส่งออกอาหารทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ กลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ 11.8%, อันดับ 3 แอฟริกา 9.1% อันดับ 4 สหภาพยุโรป (อียู) 8.9 และอันดับ 5 โอเชียเนีย 3.4% ทั้งนี้ หากคิดเฉพาะกลุ่มประเทศมุสลิม (OIC Country 57 ประเทศ) พบว่า มีมูลค่าส่งออก 180,777 ล้านบาท สัดส่วน 17.6%

ล่าสุด ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 12 ของโลก ปรับตัวดีขึ้น 2 อันดับ จากอันดับที่ 14 ของโลกในปี 2560 โดยพิจารณาจากมูลค่าส่งออกอาหารในรูปดอลลาร์ พบว่า ไทยมีส่วนแบ่งตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็น 2.36% จาก 2.34% ในปีก่อนหน้า ขณะที่ ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ บราซิล และจีน ต่างมีส่วนแบ่งตลาดโลกลดลง ส่วนประเทศผู้ส่งออกอาหารที่สำคัญในภูมิภาคอย่างอินเดียและเวียดนาม ต่างก็มีส่วนแบ่งตลาดโลกลดลงเช่นกัน โดยอินเดียเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 13 ของโลก ตกลงมา 2 อันดับ เวียดนามอันดับที่ 17 ของโลก ดีขึ้น 1 อันดับ

 

[caption id="attachment_382898" align="aligncenter" width="503"] วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา , พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ,ยงวุฒิ เยาวพฤกษ์ วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา , พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ,ยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ร่วมแถลง[/caption]

สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารไทยปี 2562 คาดว่าจะมีมูลค่า 1,120,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.5% จากปี 2561 กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมีจำนวน 8 กลุ่ม ได้แก่ ไก่ ปลาทูน่าปรุงแต่ง กุ้ง มันสำปะหลัง เครื่องปรุงรส มะพร้าว สับปะรด และอาหารพร้อมรับประทาน ส่วนกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ ข้าวและน้ำตาลทราย โดยสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ข้าว ไก่ น้ำตาลทราย ปลาทูน่าปรุงแต่ง และกุ้ง

"ปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทยในปี 2562 ได้แก่ 1) การปลดล็อกใบเหลืองประมงไทยของสหภาพยุโรป ที่ทำให้ประเทศคู่ค้าเกิดความเชื่อมั่นในสินค้าประมงไทยมากขึ้น 2) สินค้าอาหารของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดอาเซียน โดยเฉพาะ CLMV ที่สินค้าไทยครองตลาดไม่ต่ำกว่า 50–60% รวมทั้งตลาดอาเซียนเดิมที่เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าจำพวกข้าว น้ำตาล มันสำปะหลัง อาหารแปรรูป รวมทั้งอาหารฮาลาล 3) ราคาพลังงานอยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพ 4) การเมืองไทยมีความชัดเจน สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ โดยมีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

ส่วนปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1.ความผันผวนการเมืองระหว่างประเทศและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ส่งกระทบทางอ้อมต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อการจับจ่ายใช้สอยลดลงตามไปด้วย 2.แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวตามทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ 3.การแข็งค่าของเงินบาท กระทบต่อสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นตลาดต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคา รวมถึงรายได้ที่แปลงกลับมาเป็นเงินบาทจะลดลง ทำให้ราคาสินค้าวัตถุดิบการเกษตรลดลงตามไปด้วย

4.รายได้ผู้บริโภคลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำตามภาวะเศรษฐกิจ และ 5) สหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) สินค้าไทย 11 รายการ โดย 6 ใน 11 รายการ อยู่ในกลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ ทุเรียนสด มะละกอตากแห้ง มะละกอแปรรูป มะขามตากแห้ง ข้าวโพดปรุงแต่ง และผลไม้/ถั่วแช่อิ่ม

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว