ความชัดเจนที่เกิดขึ้นจากการลงคะแนนทำให้เห็นได้ว่าตอนนี้ สภาของ UK ยืนยันที่จะดำเนินการให้มีการแยกตัวออกจาก EU ต่อไป โดยไม่สนใจช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนใจไม่ออกจาก EU (Revoke) หรือการเปิดให้มีการลงประชามติรอบที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องการแยกตัว
แต่ในขณะเดียวกันสมาชิกสภา ก็เห็นแล้วว่าการที่จะถอนตัวออกจาก EU แบบไม่มีข้อตกลงใดๆ จะนำพาประเทศไปสู่หายนะ ดังนั้นเสียงข้างมากในสภา จึงคัดค้านการแยกตัวแบบไม่มีข้อตกลง
ข้อดีของเหตุการณ์นี้คือ ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลไม่ให้การยืนยันว่าการแยกตัวจะไม่มีวันที่จะดำเนินการแบบไม่มีข้อตกลง ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ เจเรมี คอร์บิน ผู้นำฝ่ายค้านปฏิเสธการเข้าร่วมเจรจากับรัฐบาลและพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ แต่เมื่อสภาได้มีมติเสียงข้างมากยืนยันให้การแยกตัวของอังกฤษต้องเป็นไปแบบ ที่มีข้อตกลง (with a deal) เท่านั้น สิ่งนี้จึงทำให้ผู้นำฝ่ายค้านแถลงที่จะเข้าร่วมเจรจากับรัฐบาล เพื่อกำหนดแนวทางเกี่ยวกับข้อตกลงที่จะใช้เจรจากับ EU ต่อไป
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่าบรรยากาศภายในสภาของอังกฤษลดความตึง เครียดลง แต่สิ่งที่เรามองข้ามและจะไม่นำมาพิจารณาไม่ได้นั่นก็คือ แล้วประเทศสมาชิกของ EU จะยอมกลับสู่เวทีเจรจากับ UK อีกหรือไม่
ในประเด็นนี้รัฐมนตรีทางด้านการเงินของประเทศสมาชิกใน EU ได้ออกมาแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ว่า EU จะไม่กลับเข้าสู่เวทีเจรจาที่ทั้ง EU และรัฐบาล UK ร่วมทำข้อตกลงกันมาเป็นระยะเวลากว่า 30 เดือน การยืนยันที่หนักแน่นเช่นนี้ทำให้เห็นว่า แนวทางการแก้ไขปัญหานี้ของอังกฤษที่มุ่งแต่จะกลับเข้าสู่เวทีการเจรจากับ EU ใหม่ โดยให้เหตุผลว่าความตกลงเดิมได้นำไปเสนอต่อสภา แล้วปรากฏว่าสมาชิกสภาของประเทศไม่ยอมรับ ซึ่งประเทศสมาชิกของ EU มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาภายในของอังกฤษเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ EU ต้องเปลี่ยนเงื่อนไขในข้อตกลงเพื่อให้ถูกใจสมาชิกสภาของ UK แต่อย่างใด
โดย มาร์ค เจริญวงศ์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปัจจุบัน ศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่ University of Kent (United Kingdom) สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศ