ซิตี้แบงก์มองศก.ไทยโต 4% แนะลูกค้ากระจายพอร์ตลงทุน
ซิตี้แบงก์ มองเศรษฐกิจโลกยังอยู่ช่วงขาขึ้น ชี้ไทยขยายตัวได้ 4% แนะนักลงทุนกระจายพอร์ตลงทุนรับความเสี่ยง จับตาสงครามการค้า-การเมืองต่างประเทศกดดันตลาดผันผวน
นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) มีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกทุกภูมิภาค แม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่เศรษฐกิจเป็นช่วงขาขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราการเติบโตของไทยอยู่ที่ 4% ขณะที่เศรษฐกิจโลกเติบโตอยู่ที่ 3.1% และตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ขยายตัวอยู่ที่ 4.6% โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไรทั่วโลกในปี 2562 อยู่ที่ 10% จากปีก่อนขยายตัวได้ในระดับ 16%
อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มความไม่แน่นอนและความผันผวนที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง โดยประเด็นที่ต้องจับตามอง จะเป็นเรื่องของนโยบายการเงินของธนาคารกลาง โดยมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 2 ครั้ง ในเดือนมิถุนายนและกันยายน และการลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเชิงปริมาณ (QE) ที่จะปรับลดลง รวมถึงปัญหาสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ และจีน ปัจจัยการเมืองของสหรัฐฯ และการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามและสร้างความผันผวนต่อตลาด อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้นักลงทุนได้รับรู้มาระดับหนึ่ง
ดังนั้น จากทิศทางดังกล่าว ธนาคารได้แนะนำการลงทุนในปี 2562 โดยเน้นจัดพอร์ตการลงทุนรองรับความไม่แน่นอน เน้นการจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง หรือเป็นแบบ Multi Asset ที่มีการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนชัดเจน โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่จัดอยู่ในระดับน่าลงทุน (Invesment Grade) รวมถึงไปถึงหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield) ในตลาดเกิดใหม่ก็น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยรองรับความผันผวนและผลตอบแทนที่ขึ้นลงได้
ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ร่วมกับฟิเดลลิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทจัดการกองทุนระดับโลก เปิดตัว 5 กองทุน เพิ่มทางเลือกในการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ด้วยนวัตกรรมในการวางแผนความมั่งคั่งที่ให้บริการแก่ลูกค้าซิตี้โกลด์อย่างโทเทิล เวลท์ แอดไวเซอร์ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพรวมพอร์ตการลงทุนและกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
“ปีนี้นักลงทุนต้องเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนที่ยังมีมากอยู่ในขณะนี้ ส่วนด้านอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่า ส่งผลให้มีโอกาสเงินทุนไหลเข้าได้ จึงเป็นโอกาสของตลาดเกิดใหม่ โดยเราแนะนำให้ลูกค้ากระจายพอร์ตลงทุนเพื่อรับความเสี่ยง”
นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) มีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกทุกภูมิภาค แม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่เศรษฐกิจเป็นช่วงขาขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราการเติบโตของไทยอยู่ที่ 4% ขณะที่เศรษฐกิจโลกเติบโตอยู่ที่ 3.1% และตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ขยายตัวอยู่ที่ 4.6% โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไรทั่วโลกในปี 2562 อยู่ที่ 10% จากปีก่อนขยายตัวได้ในระดับ 16%
อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มความไม่แน่นอนและความผันผวนที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง โดยประเด็นที่ต้องจับตามอง จะเป็นเรื่องของนโยบายการเงินของธนาคารกลาง โดยมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 2 ครั้ง ในเดือนมิถุนายนและกันยายน และการลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเชิงปริมาณ (QE) ที่จะปรับลดลง รวมถึงปัญหาสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ และจีน ปัจจัยการเมืองของสหรัฐฯ และการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามและสร้างความผันผวนต่อตลาด อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้นักลงทุนได้รับรู้มาระดับหนึ่ง
ดังนั้น จากทิศทางดังกล่าว ธนาคารได้แนะนำการลงทุนในปี 2562 โดยเน้นจัดพอร์ตการลงทุนรองรับความไม่แน่นอน เน้นการจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง หรือเป็นแบบ Multi Asset ที่มีการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนชัดเจน โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่จัดอยู่ในระดับน่าลงทุน (Invesment Grade) รวมถึงไปถึงหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield) ในตลาดเกิดใหม่ก็น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยรองรับความผันผวนและผลตอบแทนที่ขึ้นลงได้
ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ร่วมกับฟิเดลลิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทจัดการกองทุนระดับโลก เปิดตัว 5 กองทุน เพิ่มทางเลือกในการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ด้วยนวัตกรรมในการวางแผนความมั่งคั่งที่ให้บริการแก่ลูกค้าซิตี้โกลด์อย่างโทเทิล เวลท์ แอดไวเซอร์ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพรวมพอร์ตการลงทุนและกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
“ปีนี้นักลงทุนต้องเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนที่ยังมีมากอยู่ในขณะนี้ ส่วนด้านอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่า ส่งผลให้มีโอกาสเงินทุนไหลเข้าได้ จึงเป็นโอกาสของตลาดเกิดใหม่ โดยเราแนะนำให้ลูกค้ากระจายพอร์ตลงทุนเพื่อรับความเสี่ยง”
