อสังหาฯไทย 202 โครงการ ไปไม่รอด! ไม่ผ่านอีไอเอ-ขายไม่ออก
"เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส" ย้อนรอยตลาดที่อยู่อาศัยไทยปี 2561 โตเกินตัว พบมีโครงการ "เจ๊ง" ไปได้ไม่ได้ รวม 202 โครงการ ไม่ผ่านอีไอเอพุ่งอันดับ 1 แต่ชี้สถานการณ์ไม่ถึงขึ้นเลวร้าย
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส แถลงในงานสัมมนาผู้บริหาร "ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562" ว่า ตลาดปี 2561 เติบโตผิดสังเกตเป็นอย่างมาก หลังจากพบมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ห้องชุด และที่ดินจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัย ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมกันมากกว่า 125,118 หน่วย เพิ่มขึ้น 9.3% จากปี 2560 ที่เปิดอยู่ประมาณ 114,477 แสนหน่วย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2557)
ขณะเดียวกัน พบในช่วงปี 2561 ข้อมูล ณ ธ.ค. 2561 มีจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยที่หยุดการขาย หรือ เจ๊ง เกิดขึ้นรวม 202 โครงการ 57,330 หน่วย มูลค่ามากกว่า 1.45 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ กลางปี 2561 มีจำนวน 197 โครงการ 55,956 หน่วย มูลค่า 1.42 แสนล้านบาท ด้วยสาเหตุ 1.ไม่ผ่าน EIA 27% 2.สถาบันการเงินไม่อำนวยสินเชื่อ 21% 3.ขายไม่ออก 19% 4.ทำเลที่ตั้ง 9% และอื่น ๆ ตามรายละเอียด ดังนี้
แต่อย่างไรก็ตาม นายโสภณ กล่าวว่า ด้วยสัดส่วนจำนวนโครงการที่เจ๊งเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปี 2561 มี 5 โครงการ รวมจำนวนหน่วย 1,374 หน่วย และมูลค่าของโครงการที่เจ๊งเพิ่มเพียง 2.6 พันล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2-3% เท่านั้น ดังนั้น สถานการณ์ในปัจจุบันจึงไม่ได้เลวร้ายมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540-2544 ที่สถานการณ์เลวร้ายมากกว่า มีโครงการที่กำลังขายและมีโอกาสเจ๊งมากถึงประมาณ 40%
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส แถลงในงานสัมมนาผู้บริหาร "ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562" ว่า ตลาดปี 2561 เติบโตผิดสังเกตเป็นอย่างมาก หลังจากพบมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ห้องชุด และที่ดินจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัย ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมกันมากกว่า 125,118 หน่วย เพิ่มขึ้น 9.3% จากปี 2560 ที่เปิดอยู่ประมาณ 114,477 แสนหน่วย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2557)
ขณะเดียวกัน พบในช่วงปี 2561 ข้อมูล ณ ธ.ค. 2561 มีจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยที่หยุดการขาย หรือ เจ๊ง เกิดขึ้นรวม 202 โครงการ 57,330 หน่วย มูลค่ามากกว่า 1.45 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ กลางปี 2561 มีจำนวน 197 โครงการ 55,956 หน่วย มูลค่า 1.42 แสนล้านบาท ด้วยสาเหตุ 1.ไม่ผ่าน EIA 27% 2.สถาบันการเงินไม่อำนวยสินเชื่อ 21% 3.ขายไม่ออก 19% 4.ทำเลที่ตั้ง 9% และอื่น ๆ ตามรายละเอียด ดังนี้
แต่อย่างไรก็ตาม นายโสภณ กล่าวว่า ด้วยสัดส่วนจำนวนโครงการที่เจ๊งเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปี 2561 มี 5 โครงการ รวมจำนวนหน่วย 1,374 หน่วย และมูลค่าของโครงการที่เจ๊งเพิ่มเพียง 2.6 พันล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2-3% เท่านั้น ดังนั้น สถานการณ์ในปัจจุบันจึงไม่ได้เลวร้ายมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540-2544 ที่สถานการณ์เลวร้ายมากกว่า มีโครงการที่กำลังขายและมีโอกาสเจ๊งมากถึงประมาณ 40%
