ขสมก. เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล "B20" ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม

24 ม.ค. 2562 | 01:27 น.
ขสมก. เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มและส่งเสริมการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยใช้กับรถโดยสารทั้ง 2 ระยะ จำนวน 2,075 คัน จะมีปริมาณการใช้น้ำมันเดือนละ 5.5 ล้านลิตร หรือปีละ 66 ล้านลิตร ใช้น้ำมันปาล์มเป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 ได้ปีละประมาณ 8.58 ล้านลิตร

ECB8F2F5-AA40-4269-B376-3E9033708763
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งว่า ได้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 ในรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มและส่งเสริมการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม เนื่องจากผลผลิตปาล์มล้นตลาด ทำให้มีราคาตกต่ำ กระทรวงพลังงานและกระทรวงคมนาคมจึงร่วมกันนำร่องโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ในสัดส่วน 20%) ในภาคคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 โดย ขสมก. ได้ทดลองใช้น้ำมันดังกล่าวกับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อ "ฮีโน่ มิตซูบิชิ" และ "อีซูซุ" จำนวน 17 คัน เมื่อช่วงเดือน ต.ค. - ธ.ค. 2561 พบว่า เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ตามปกติและมีอัตราการสิ้นเปลืองใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล B7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

ดังนั้น ขสมก. จึงขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อฮีโน่และมิตซูบิชิ จำนวน 815 คัน ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป  ประกอบด้วย

เขตการเดินรถที่ 1 : อู่รังสิต จำนวน 56 คัน

เขตการเดินรถที่ 2
 : อู่มีนบุรีและอู่สวนสยาม จำนวน 204 คัน

เขตการเดินรถที่ 3
 : อู่เมกาบางนา อู่แพรกษาบ่อดิน และอู่ปู่เจ้าสมิงพราย จำนวน 176 คัน

เขตการเดินรถที่ 4 : อู่คลองเตยและอู่พระราม 9 จำนวน 256 คัน

เขตการเดินรถที่ 5 : อู่แสมดำและอู่พระประแดง จำวน 123 คัน

โดยมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในระยะที่ 1 วันละ 57,050 ลิตร หรือเดือนละ 1,711,500 ลิตร


ระยะที่ 2 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อมิตซูบิชิและอีซูซุ รถโดยสารปรับอากาศครีม-น้ำเงิน ยี่ห้ออีซูซุและฮีโน่ รถโดยสารปรับอากาศยูโรทู ยี่ห้อ "อีซูซุ แดวู" และ "เบนซ์" จำนวน 1,260 คัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2562 เป็นต้นไป ประกอบด้วย

เขตการเดินรถที่ 1 : อู่บางเขน จำนวน 122 คัน

เขตการเดินรถที่ 4 : อู่คลองเตยและอู่พระราม 9 จำนวน 79 คัน

เขตการเดินรถที่ 6 : อู่พุทธมณฑลและอู่ไร่ขิง จำนวน 348 คัน

เขตการเดินรถที่ 7 : อู่ท่าอิฐ อู่บางบัวทองและอู่นครอินทร์ จำนวน 371 คัน

เขตการเดินรถที่ 8 : อู่กำแพงเพชรและอู่สวนสยาม จำนวน 340 คัน

โดยมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในระยะที่ 2 วันละ 127,050 ลิตร หรือเดือนละ 3,811,500 ลิตร


โดยเมื่อ ขสมก. เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารทั้ง 2 ระยะ จำนวน 2,075 คัน จะมีปริมาณการใช้น้ำมันเดือนละ 5.5 ล้านลิตร หรือปีละ 66 ล้านลิตร ซึ่งสามารถนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 ได้ปีละประมาณ 8.58 ล้านลิตร เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มได้อีกทางหนึ่ง

"จากการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสาร ขสมก. ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา พบว่า น้ำมันดังกล่าวสามารถนำมาใช้งานร่วมกับรถโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ส่งผลกระทบกับระบบเครื่องยนต์ อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารในระยะแรก จะต้องมีการล้างน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งระบบทางเดินน้ำมันและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รวมทั้งมีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันดีเซล ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และไส้กรองอากาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคันละประมาณ 25,000 บาท"

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งฝุ่นละอองดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซลและการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ การที่ ขสมก. เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสาร จะช่วยลดมลพิษได้ 4% และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 15%

นอกจากนี้ ขสมก. ได้กำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ดังนี้

1.ตรวจดูแลรถโดยสารก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน โดยห้ามมิให้รถควันดำออกวิ่งให้บริการโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะส่งเข้าซ่อมบำรุงโดยทันที

2.ขสมก. มีการตรวจวัดควันดำและตรวจวัดความดังของเสียงเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง เดือนละ 2 ครั้ง

3.กำชับให้พนักงานขับรถโดยสารออกรถด้วยเกียร์ 1 ทุกครั้ง

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว