ทายาทเรือด่วนเจ้าพระยา "ลงลึก ลุยจริง สานต่อธุรกิจครอบครัว"
ทายาทสาวสวยคนเก่งของกลุ่มเรือด่วนเจ้าพระยา "คุณปิ๋ม - ณัฐปรี พิชัยรณรงค์สงคราม" กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุภัทรา เรียลเอสเตท จำกัด ที่ขณะนี้เธอไม่ได้สนใจแค่งานเรียลเอสเตทเท่านั้น แต่เธอกำลังเข้ามาเรียนรู้งานของเรือด่วนเจ้าพระยาอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ต้นปีกันเลยทีเดียว
การเป็นทายาทคนเดียวของครอบครัว ทำให้ "คุณปิ๋ม" รับรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า อย่างไรเสีย ก็คงเข้ามาสานต่อธุรกิจที่ครอบครัวสร้างขึ้นแน่นอน เพราะฉะนั้น เธอจึงเลือกเรียนบริหารการโรงแรมและการจัดการที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐอเมริกา กลับมาทำงานด้านวิเคราะห์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์อยู่พักหนึ่ง ก็กลับไปเรียนต่อโทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และได้กลับมาเริ่มงานครอบครัวอย่างจริงจังเมื่ออายุ 25 ปี ด้วยโปรเจ็กต์แรก คือ โรงแรม "ริว่า เซอร์ยา" ที่ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่บ้านของครอบครัวนั่นเอง เป็นโรงแรมบูติค 68 ห้อง
"คุณปิ๋ม" บอกว่า ที่เลือกทำงานโรงแรมก่อนเป็นงานแรก เพราะสนใจงานด้านนี้ และครอบครัวก็ยังมีที่ดินอีกพอสมควรที่ยังไม่ได้พัฒนา หลังจากโปรเจ็กต์แรกเสร็จเรียบร้อย ก็มาลุยต่อที่โครงการ "เดอะ มหาราช" ที่ท่าเรือมหาราช บนเนื้อที่เกือบ 3 ไร่ ซึ่งผู้บริหารหญิงคนนี้บอกว่า เป็นอะไรที่จับมาตั้งแต่เริ่มต้น รู้ทุกซอกทุกมุมของโปรเจ็กต์นี้เลยทีเดียว
คอนเซ็ปต์ของ "เดอะ มหาราช" ไม่ใช่ Final Destination หรือ จุดปลายทางที่คนจะมาใช้เวลานาน ๆ ด้วยพื้นที่ที่จำกัด และทำเลที่ตั้ง "เดอะ มหาราช" จึงเหมาะกับการเป็นจุดพัก หรือ "จุดแวะ" มากกว่า แวะมาทานข้าว แวะมาถ่ายรูป หรือเป็นจุดนัดพบ เพราะฉะนั้น การออกแบบที่นี่จึงเป็นแนวไลฟ์สไตล์ มีร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ ร้านขายของ เป็นรีเทลที่รวมร้านกว่า 40 ร้าน ให้คนได้แวะนัดพบ สังสรรค์ และด้วยเวลาเพียงไม่นาน ท่ามหาราชแห่งนี้ก็กลายเป็นที่รู้จัก และเป็นแหล่งพบปะของนักท่องเที่ยวและคนรุ่นใหม่ ต่อจากโปรเจ็กต์มหาราช "คุณปิ๋ม" ก็มาลุยต่อที่โครงการท่าวังหลัง
"คุณปิ๋ม" เข้าไปดูเรื่องการรีโนเวต จากเดิมที่มีร้านค้าจำนวนมาก แต่ไม่ได้จัดโซนนิ่ง ไม่มีการบริหารจัดการอาคาร แม่บ้าน รปภ. เมื่อเราเรียนรู้จากท่ามหาราช เราก็เข้าไปจัดที่ท่าวังหลังในรูปแบบเดียวกัน ชั้น 2 เป็นร้านอาหารทั้งหมด ข้างล่างเป็นโซนกาแฟ ข้างหลังเป็นช็อปปิ้ง แล้วก็มาจัดโฟลว์ทราฟฟิกของท่าเรือทั้งหมด ทำให้ไม่แออัด
"เราบริหารตามบริบทของสถานที่ กลุ่มเป้าหมายของ 2 โปรเจ็กต์นี้ ต่างกัน ทั้ง 2 ท่า คือ ไม่เหมือนกันเลย ท่ามหาราชเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ วังหลังจะเป็นโลคัล ขนาดก็เล็กกว่า ค่าใช้จ่ายต่อหัวจะตํ่าลงมา แต่โวลุ่มได้เยอะกว่า ตรงนั้นมีทราฟฟิกคนเดิน แต่ที่ท่ามหาราชเป็นทราฟฟิก คนมาจากรถ"
จากโจทย์ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ นักบริหารหญิงคนนี้รับวิสัยทัศน์จากคุณแม่ (สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ประธานกรรมการบริษัทฯ) ซึ่งวิเคราะห์จากข้อมูลที่สัมผัสวิถีชีวิตและความเป็นไปของแต่ละทำเล ว่า เหมาะกับการลงทุนประเภทไหน ส่วนตัวของ "คุณปิ๋ม" ก็นำวิสัยทัศน์นั้นมาสานต่อ ด้วยการนำบริษัทวิจัยเข้ามาทำการวิเคราะห์อีกครั้ง ด้วยการทำวิจัยเพิ่ม คอนเฟิร์มว่า ในแต่ละทำเลนั้น เหมาะกับการลงทุนด้านไหน ... เราคิดก่อน แล้วเอาบริษัทวิจัยมาคอนเฟิร์มอีกครั้ง ว่า มันเหมาะสมจริง ๆ และสามารถเกิดโปรเจ็กต์เหล่านั้นได้จริง โดยปีนี้จะมีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่หัวหิน เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ที่อยู่ระหว่างการศึกษา
หลังจากผ่านงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาพอสมควร ทั้งโปรเจ็กต์คอมมิวนิตีมอลล์ที่ท่ามหาราช ท่าวังหลัง โรงแรม ริว่า เซอร์ยา และโรงแรมริว่า อรุณ ด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่ อยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่ท้าทายอยู่เสมอ "คุณปิ๋ม" ก็เริ่มขยับเข้าสู่ธุรกิจหลักของครอบครัว คือ เรือด่วนเจ้าพระยา ที่จริง ๆ เธอตั้งเป้าที่จะเข้าไปเรียนรู้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่กว่าจะได้เริ่มจริง ก็คือ ต้นปีนี้
เป้าหมายที่นักบริหารสาวคนนี้มองไว้ คือ การทำตลาดแบบใหม่ ๆ และการดึงเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพของงาน วางระบบทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น เช่น การวิ่งเข้าหาเอเยนต์ การเข้าไปดิวกับโรงแรม มีการจัดตั้งเคาน์เตอร์ในโรงแรม เพื่อทำให้คนรู้จักและนำเสนอบริการต่าง ๆ ของเรือด่วนเจ้าพระยาให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังเปิดตัวในเว็บไซต์ต่าง ๆ การดึงบล็อกเกอร์เข้ามารีวิว เพื่อทำให้คนรู้จักและเข้าใจบริการของกลุ่มเรือด่วนเจ้าพระยามากขึ้น
จากการที่ถูกสอนมาจากครอบครัวว่า หากทำอะไรต้องทำจริง ลงลึก และปฏิบัติ เมื่อตัดสินใจเข้ามาลุยงานเรือด่วนเจ้าพระยา "คุณปิ๋ม" จึงลงศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง ลงไปดูงานการออกเรือเที่ยวแรก ตี 5.50 น. และนั่งเรือไปดูงานในจุดแวะท่าเรือต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อสัมผัสและเรียนรู้งานแต่ละขั้นตอน รับรู้และเห็นจริง ว่า พนักงานของเธอทำงานกันอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงได้อย่างถูกจุด โดยสิ่งที่ได้รับมอบหมายมา คือ การดูแลเรื่องบุคลากร การจัดซื้อ รวมทั้งดูภาพรวมทั้งหมด
"คุณปิ๋ม" เล่าติดตลกว่า การที่เธอได้ดูแลเรื่องจัดซื้อ เพราะเธอถนัดช็อปปิ้ง แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องจัดซื้อกลายเป็นเครื่องยนต์ เครื่องจักร ใบพัด เหล็ก แต่ก็เป็นความสนุกและท้าทายที่ได้ทำงานเหล่านี้ เมื่อเทียบกับตอนที่ต้องจัดซื้อให้กับธุรกิจโรงแรม ตอนนั้นก็สนุกไปอีกแบบ และต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบในฐานะเจ้าของ
"การเป็นนักธุรกิจ คือ ต้องทำเอง ด้วยความที่เราโดนปลูกฝังมาว่า ต้องรู้ลึก ต้องทำเอง อย่างตอนทำโรงแรมก็เคยไปเป็นแม่บ้าน ไปปูเตียง ที่โอเรียนเต็ล ทำให้เรารู้ว่า การทำความสะอาดห้อง การวางเลย์เอาต์ของเตียง มันสำคัญอย่างไร ปลั๊กไฟหัวเตียง ไม่ใช่มีไว้แค่คนชาร์ตโทรศัพท์ แต่แม่บ้านต้องใช้เสียบปลั๊กดูดฝุ่น เตียงนอนที่มีหัวเตียงกับไม่มีหัวเตียงต่างกันอย่างไร ความหนาของเตียง มีความสัมพันธ์ต่อคนที่นอนอย่างไร คนเอเชียกับฝรั่งชอบความนุ่มของเตียงอย่างไร เวลาเราจัดซื้อเอง เราจะรู้ว่าการให้แชมพู ครีมนวด สบู่ เราต้องให้เท่าไร ปริมาณ 30 กับ 50 มิลลิลิตร ต่างกันอย่างไร ทั้งหมดมันคือ ค่าใช้จ่ายต่อห้องต่อวัน สิ่งที่เราให้ไปแล้วไม่ได้กลับคืนมา เราต้องคิดเป็นต้นทุน"
สิ่งเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงที่ได้ลงมือทำ รวมทั้งการเรียนรู้จากพี่ ๆ เพื่อน ๆ ร่วมงาน รวมทั้งคุณแม่ ซึ่งเป็นต้นแบบในการคิดและมองธุรกิจไปข้างหน้า ซึ่งในจุดนี้ "คุณปิ๋ม" ยอมรับว่า ยังเป็นจุดอ่อนที่เธอยังทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับงานประจำวัน แต่เธอก็พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อผลักดันธุรกิจของครอบครัวสู่มาตรฐานสากลที่ทุกคนต้องยอมรับ
หน้า 22-23 ฉบับที่ 3,438 วันที่ 24 - 26 มกราคม พ.ศ. 2562
การเป็นทายาทคนเดียวของครอบครัว ทำให้ "คุณปิ๋ม" รับรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า อย่างไรเสีย ก็คงเข้ามาสานต่อธุรกิจที่ครอบครัวสร้างขึ้นแน่นอน เพราะฉะนั้น เธอจึงเลือกเรียนบริหารการโรงแรมและการจัดการที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐอเมริกา กลับมาทำงานด้านวิเคราะห์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์อยู่พักหนึ่ง ก็กลับไปเรียนต่อโทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และได้กลับมาเริ่มงานครอบครัวอย่างจริงจังเมื่ออายุ 25 ปี ด้วยโปรเจ็กต์แรก คือ โรงแรม "ริว่า เซอร์ยา" ที่ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่บ้านของครอบครัวนั่นเอง เป็นโรงแรมบูติค 68 ห้อง
"คุณปิ๋ม" บอกว่า ที่เลือกทำงานโรงแรมก่อนเป็นงานแรก เพราะสนใจงานด้านนี้ และครอบครัวก็ยังมีที่ดินอีกพอสมควรที่ยังไม่ได้พัฒนา หลังจากโปรเจ็กต์แรกเสร็จเรียบร้อย ก็มาลุยต่อที่โครงการ "เดอะ มหาราช" ที่ท่าเรือมหาราช บนเนื้อที่เกือบ 3 ไร่ ซึ่งผู้บริหารหญิงคนนี้บอกว่า เป็นอะไรที่จับมาตั้งแต่เริ่มต้น รู้ทุกซอกทุกมุมของโปรเจ็กต์นี้เลยทีเดียว
คอนเซ็ปต์ของ "เดอะ มหาราช" ไม่ใช่ Final Destination หรือ จุดปลายทางที่คนจะมาใช้เวลานาน ๆ ด้วยพื้นที่ที่จำกัด และทำเลที่ตั้ง "เดอะ มหาราช" จึงเหมาะกับการเป็นจุดพัก หรือ "จุดแวะ" มากกว่า แวะมาทานข้าว แวะมาถ่ายรูป หรือเป็นจุดนัดพบ เพราะฉะนั้น การออกแบบที่นี่จึงเป็นแนวไลฟ์สไตล์ มีร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ ร้านขายของ เป็นรีเทลที่รวมร้านกว่า 40 ร้าน ให้คนได้แวะนัดพบ สังสรรค์ และด้วยเวลาเพียงไม่นาน ท่ามหาราชแห่งนี้ก็กลายเป็นที่รู้จัก และเป็นแหล่งพบปะของนักท่องเที่ยวและคนรุ่นใหม่ ต่อจากโปรเจ็กต์มหาราช "คุณปิ๋ม" ก็มาลุยต่อที่โครงการท่าวังหลัง
"คุณปิ๋ม" เข้าไปดูเรื่องการรีโนเวต จากเดิมที่มีร้านค้าจำนวนมาก แต่ไม่ได้จัดโซนนิ่ง ไม่มีการบริหารจัดการอาคาร แม่บ้าน รปภ. เมื่อเราเรียนรู้จากท่ามหาราช เราก็เข้าไปจัดที่ท่าวังหลังในรูปแบบเดียวกัน ชั้น 2 เป็นร้านอาหารทั้งหมด ข้างล่างเป็นโซนกาแฟ ข้างหลังเป็นช็อปปิ้ง แล้วก็มาจัดโฟลว์ทราฟฟิกของท่าเรือทั้งหมด ทำให้ไม่แออัด
"เราบริหารตามบริบทของสถานที่ กลุ่มเป้าหมายของ 2 โปรเจ็กต์นี้ ต่างกัน ทั้ง 2 ท่า คือ ไม่เหมือนกันเลย ท่ามหาราชเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ วังหลังจะเป็นโลคัล ขนาดก็เล็กกว่า ค่าใช้จ่ายต่อหัวจะตํ่าลงมา แต่โวลุ่มได้เยอะกว่า ตรงนั้นมีทราฟฟิกคนเดิน แต่ที่ท่ามหาราชเป็นทราฟฟิก คนมาจากรถ"
จากโจทย์ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ นักบริหารหญิงคนนี้รับวิสัยทัศน์จากคุณแม่ (สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ประธานกรรมการบริษัทฯ) ซึ่งวิเคราะห์จากข้อมูลที่สัมผัสวิถีชีวิตและความเป็นไปของแต่ละทำเล ว่า เหมาะกับการลงทุนประเภทไหน ส่วนตัวของ "คุณปิ๋ม" ก็นำวิสัยทัศน์นั้นมาสานต่อ ด้วยการนำบริษัทวิจัยเข้ามาทำการวิเคราะห์อีกครั้ง ด้วยการทำวิจัยเพิ่ม คอนเฟิร์มว่า ในแต่ละทำเลนั้น เหมาะกับการลงทุนด้านไหน ... เราคิดก่อน แล้วเอาบริษัทวิจัยมาคอนเฟิร์มอีกครั้ง ว่า มันเหมาะสมจริง ๆ และสามารถเกิดโปรเจ็กต์เหล่านั้นได้จริง โดยปีนี้จะมีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่หัวหิน เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ที่อยู่ระหว่างการศึกษา
หลังจากผ่านงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาพอสมควร ทั้งโปรเจ็กต์คอมมิวนิตีมอลล์ที่ท่ามหาราช ท่าวังหลัง โรงแรม ริว่า เซอร์ยา และโรงแรมริว่า อรุณ ด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่ อยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่ท้าทายอยู่เสมอ "คุณปิ๋ม" ก็เริ่มขยับเข้าสู่ธุรกิจหลักของครอบครัว คือ เรือด่วนเจ้าพระยา ที่จริง ๆ เธอตั้งเป้าที่จะเข้าไปเรียนรู้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่กว่าจะได้เริ่มจริง ก็คือ ต้นปีนี้
เป้าหมายที่นักบริหารสาวคนนี้มองไว้ คือ การทำตลาดแบบใหม่ ๆ และการดึงเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพของงาน วางระบบทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น เช่น การวิ่งเข้าหาเอเยนต์ การเข้าไปดิวกับโรงแรม มีการจัดตั้งเคาน์เตอร์ในโรงแรม เพื่อทำให้คนรู้จักและนำเสนอบริการต่าง ๆ ของเรือด่วนเจ้าพระยาให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังเปิดตัวในเว็บไซต์ต่าง ๆ การดึงบล็อกเกอร์เข้ามารีวิว เพื่อทำให้คนรู้จักและเข้าใจบริการของกลุ่มเรือด่วนเจ้าพระยามากขึ้น
จากการที่ถูกสอนมาจากครอบครัวว่า หากทำอะไรต้องทำจริง ลงลึก และปฏิบัติ เมื่อตัดสินใจเข้ามาลุยงานเรือด่วนเจ้าพระยา "คุณปิ๋ม" จึงลงศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง ลงไปดูงานการออกเรือเที่ยวแรก ตี 5.50 น. และนั่งเรือไปดูงานในจุดแวะท่าเรือต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อสัมผัสและเรียนรู้งานแต่ละขั้นตอน รับรู้และเห็นจริง ว่า พนักงานของเธอทำงานกันอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงได้อย่างถูกจุด โดยสิ่งที่ได้รับมอบหมายมา คือ การดูแลเรื่องบุคลากร การจัดซื้อ รวมทั้งดูภาพรวมทั้งหมด
"คุณปิ๋ม" เล่าติดตลกว่า การที่เธอได้ดูแลเรื่องจัดซื้อ เพราะเธอถนัดช็อปปิ้ง แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องจัดซื้อกลายเป็นเครื่องยนต์ เครื่องจักร ใบพัด เหล็ก แต่ก็เป็นความสนุกและท้าทายที่ได้ทำงานเหล่านี้ เมื่อเทียบกับตอนที่ต้องจัดซื้อให้กับธุรกิจโรงแรม ตอนนั้นก็สนุกไปอีกแบบ และต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบในฐานะเจ้าของ
"การเป็นนักธุรกิจ คือ ต้องทำเอง ด้วยความที่เราโดนปลูกฝังมาว่า ต้องรู้ลึก ต้องทำเอง อย่างตอนทำโรงแรมก็เคยไปเป็นแม่บ้าน ไปปูเตียง ที่โอเรียนเต็ล ทำให้เรารู้ว่า การทำความสะอาดห้อง การวางเลย์เอาต์ของเตียง มันสำคัญอย่างไร ปลั๊กไฟหัวเตียง ไม่ใช่มีไว้แค่คนชาร์ตโทรศัพท์ แต่แม่บ้านต้องใช้เสียบปลั๊กดูดฝุ่น เตียงนอนที่มีหัวเตียงกับไม่มีหัวเตียงต่างกันอย่างไร ความหนาของเตียง มีความสัมพันธ์ต่อคนที่นอนอย่างไร คนเอเชียกับฝรั่งชอบความนุ่มของเตียงอย่างไร เวลาเราจัดซื้อเอง เราจะรู้ว่าการให้แชมพู ครีมนวด สบู่ เราต้องให้เท่าไร ปริมาณ 30 กับ 50 มิลลิลิตร ต่างกันอย่างไร ทั้งหมดมันคือ ค่าใช้จ่ายต่อห้องต่อวัน สิ่งที่เราให้ไปแล้วไม่ได้กลับคืนมา เราต้องคิดเป็นต้นทุน"
สิ่งเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงที่ได้ลงมือทำ รวมทั้งการเรียนรู้จากพี่ ๆ เพื่อน ๆ ร่วมงาน รวมทั้งคุณแม่ ซึ่งเป็นต้นแบบในการคิดและมองธุรกิจไปข้างหน้า ซึ่งในจุดนี้ "คุณปิ๋ม" ยอมรับว่า ยังเป็นจุดอ่อนที่เธอยังทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับงานประจำวัน แต่เธอก็พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อผลักดันธุรกิจของครอบครัวสู่มาตรฐานสากลที่ทุกคนต้องยอมรับ
หน้า 22-23 ฉบับที่ 3,438 วันที่ 24 - 26 มกราคม พ.ศ. 2562
