'ภูเก็ต' ประกาศให้ไมซ์และสมาร์ทซิตี้ กระตุ้นการเติบโตของ GPP 5 เท่า

16 ม.ค. 2562 | 07:49 น.
คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดินและคณะอนุกรรมาธิการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน และการพัฒนาระบบราชการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลงพื้นที่ภูเก็ต เร่งติดตามแผนการขับเคลื่อนเมกะโปเจ็กต์รัฐบาล ประกาศให้ไมซ์และสมาร์ทซิตี้กระตุ้นการเติบโตของ GPP 5 เท่า



FE04CFE5-8B4E-4F12-B8FF-A40F396A1C2F
นายฐาปนา บุณยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย ในฐานะหัวหน้าโครงการศึกษากลไกการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดเพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคม (SG-ABC) เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดินและคณะอนุกรรมาธิการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน และการพัฒนาระบบราชการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า ได้นำเสนอผลการศึกษาการคาดการณ์มูลค่าทรัพย์สินในอนาคต 20 ปี ตามแบบจำลองทางผังเมือง เทียบเคียงกับร่างผังเมืองรวม จ.ภูเก็ต สรุปว่า จ.ภูเก็ต ได้รับนโยบายสำคัญจากรัฐบาลจำนวน 5 เรื่อง โดยมี 2 นโยบายสำคัญ ที่รัฐบาลต้องการให้ จ.ภูเก็ต ขับเคลื่อนการพัฒนา เพื่อเป็นแบบอย่างแก่จังหวัดอื่น ได้แก่ นโยบาย จ.ภูเก็ต เป็นไมซ์ซิตี้ และนโยบายภูเก็ตสมาร์ซซิตี้


ACC37BFC-2AF3-4BD8-AD70-C75851FEC647

ทั้งนี้ คาดหวังให้ภูเก็ตสร้างสรรค์เศรษฐกิจด้วยการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์จังหวัดไม่น้อยกว่า 5 เท่า ใน 20 ปีข้างหน้า สามารถรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 2 เท่าจากปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการ ที่สำคัญ ได้แก่ สร้างท่าอากาศยานแห่งที่ 2 บริเวณ ต.ท่านุ่น อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2570 โครงการรถไฟฟ้ารางเบา จ.ภูเก็ต เชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานแห่งที่ 2 เข้ามายังพื้นที่ใจกลางเกาะและใจกลางแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล โดยการก่อสร้างระยะแรก ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 1 ถึงสถานีขนส่งจังหวัดภูเก็ต คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2568 นอกจากนั้น ยังมีโครงการท่าเรือสำราญและท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง

นอกจากนั้น รัฐบาล โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนแนวทาง Smart Mobility, Smart Safety และ Smart Economy ทั้งการติดตั้งระบบเก็บข้อมูลด้วยกล้องวงจรปิดในสถานที่สำคัญ ๆ ในการเดินทาง เช่น แหล่งท่องเที่ยว ท่าอากาศยาน ด่านตรวจ ท่าเรือ และพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจ ปัจจุบัน จังหวัดสามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลบุคคลและยวดยานเพื่อการตรวจสอบได้เกือบจะสมบูรณ์ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวนี้จะสนับสนุนการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต


156DEF19-E9BC-408E-814C-2494ACEE5813

สำหรับการศึกษาการคาดการณ์มูลค่าทางเศรษฐกิจตามแบบจำลองของ LEED-ND เทียบกับร่างผังเมืองรวมนั้น พบว่า เพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่เหมาะสมกับราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ในอนาคต เป็นการชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจภายในพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจที่กำหนด เพื่อลดการกระจัดกระจายของเมือง (Urban Sprawl) และตอบสนองต่อนโยบายภูเก็ตไมช์และสมาร์ทซิตี้ของรัฐบาล ที่ปรึกษาร่างผังเมืองรวมควรปรับปรุงร่างผังการใช้ประโยชน์ที่ดินพร้อมข้อกำหนด โดยเพิ่มการใช้ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยประเภทหนาแน่นมาก เพิ่มประเภทกิจกรรมเศรษฐกิจ เช่น อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารสาธารณะ อัตราส่วนพื้นที่อาคารต่อพื้นที่ดิน (FAR) ขนาดอาคาร และความสูงในพื้นที่หลายบริเวณ เช่น พื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจรอบสถานีรถไฟฟ้ารางเบา ซึ่งมีอยู่ 12 บริเวณในรัศมี 800-1,600 เมตรรอบสถานี พื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจเจ้าฟ้า และพื้นที่สองข้างทางถนนเจ้าตะวันตก นับจากสี่แยกห้างเทสโกโลตัส จนถึงวงเวียนห้าแยกฉลอง พื้นที่ทั่วบริเวณของเทศบาลเมืองป่าตอง เทศบาลตำบลกะรน เทศบาลตำบลกะตะ เทศบาลตำบลฉลอง และเทศบาลเมืองกะทู้ (ยกเว้นพื้นที่บริเวณเมืองเก่ากะทู้) และพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ

"หากมีการปรับปรุงรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินและข้อกำหนดให้สอดคล้องกับการสร้างความกระชับภายในศูนย์เศรษฐกิจแล้ว เอกชนจะสามารถลงทุนพัฒนาพาณิชยกรรมได้รับมูลค่าเพิ่มจากเดิมมากกว่า 5 เท่า ประชาชนจะอยู่อาศัยและมีถิ่นทำงานภายในศูนย์เศรษฐกิจ ช่วยลดความจำเป็นในการเดินทาง มีโอกาสในการพัฒนาเป็นเมืองแห่งการเดินในอนาคตได้ ที่สำคัญ คือ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จังหวัด (GPP) ขยายตัวตามแผนที่รัฐบาลวางไว้"

โดยในการเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดินและคณะอนุกรรมาธิการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน และการพัฒนาระบบราชการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำโดย นายมานุชญ์ วัฒนโกเมร รองประธานคนที่ 1 คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน, นายจาดุร อภิชาติบุตร ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางและติดตามแผนการวิจัย TRF Flagship Research Program (TRP) เพื่อการพัฒนาเมือง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายภัคพงศ์ ทวีพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนา จ.ภูเก็ต เป็นสมาร์ทซิตี้และยกระดับเป็นศูนย์เศรษฐกิจการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของโลก

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังได้กล่าวสรุปว่า มีความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล จำนวน 7 ด้าน ตามเกณฑ์สมาร์ทซิตี้ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ด้านโครงข่ายการขนส่งทางราง การขนส่งทางถนน การขนส่งทางทะเล และการขนส่งทางอากาศ ซึ่งปัจจุบัน รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณก้อนใหญ่เพื่อการก่อสร้างสนับสนุนภูเก็ตให้เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

595959859