'ยูบีเอ็ม' ดึงผู้ประกอบการ 250 ราย จัด "อาเซียน บิวตี้ 2019"

14 ม.ค. 2562 | 09:17 น.
'ยูบีเอ็ม' ตอกย้ำความแรงตลาดเครื่องสำอาง จัดงาน "อาเซียน บิวตี้ 2019" ขนผู้ประกอบการ 250 ราย จัดแสดงสินค้า ดึงคนเข้าชม 1.2 หมื่นราย ชี้! ญี่ปุ่นแห่เข้าไทยเพิ่ม แนะแบรนด์ควรเน้นคุณภาพ ฟันธง! กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ชายแนวโน้มสดใส

นางสาวอนุชนา วิชเวช ผู้อำนวยการ กลุ่มโครงการ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดงาน "อาเซียน บิวตี้ 2018" (ASEAN Beauty 2018) มีผู้เข้าชมงานมากกว่า 9,000 ราย จาก 60 ประเทศทั่วโลก บริษัทเดินหน้าจัดงาน "อาเซียน บิวตี้ 2019" (ASEAN Beauty 2019) ระหว่างวันที่ 2–4 พ.ค. 2562 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บนพื้นที่ 9,600 ตารางเมตร ภายในฮอลล์ 103-104 เวลา 10.00-18.00 น. โดยจะมีผู้ประกอบการหลากหลายมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะมาเปิดตัวในงานดังกล่าวอีกด้วย

สำหรับงาน "อาเซียน บิวตี้ 2019" นับเป็นครั้งที่ 5 ของการจัดงาน ซึ่งจะมีผู้ประกอบการจากทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย เข้ามานำเสนอสินค้าและธุรกิจของตนเองมากกว่า 350 ราย จาก 20 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี 2561 มีผู้ประกอบการ 250 ราย โดยส่วนใหญ่ยังเป็นนักธุรกิจภายในประเทศ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% มาจากต่างประเทศ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ อเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส เป็นต้น คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ราย

ทั้งนี้ การจัดงานในช่วง 2 วันแรก จะเน้นการเจรจาทางธุรกิจเป็นหลัก โดยบริษัทต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยได้มีโอกาสเจอกับธุรกิจจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การนำคู่ค้าจาก สปป.ลาว เวียดนาม เข้ามาพบปะเอสเอ็มอีภายในงาน "อาเซียน บิวตี้ 2019" ที่กำลังจะเกิดขึ้น นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่สนใจอยากเข้าไปทำตลาดอาเซียน ขณะเดียวกัน การที่ต่างประเทศได้เข้ามาในงานนี้ก็จะทำให้ได้เห็นตลาดของไทยและตลาดของประเทศอื่น ๆ ที่มีศักยภาพน่าลงทุนเช่นเดียวกัน


บาร์ไลน์ฐาน

นางสาวอนุชนา กล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีของการจัดงาน ต้องยอมรับว่า ผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่นมีการตอบรับที่ดีมาตลอด และมีอีกหลายรายที่ต้องการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่ติดปัญหาเรื่องของภาษาที่ต้องใช้ในการสื่อสาร ทำให้ไม่เชื่อมโยงกัน แต่ในปีนี้จะมีแบรนด์จากญี่ปุ่นที่ไม่เคยทำตลาดในเมืองไทยมาก่อนเข้าร่วมภายในงานดังกล่าวด้วย เบื้องต้น คาดว่าผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นจะมาสร้างพาวิลเลียนและบูธในงานประมาณ 20-25 ราย ขณะที่ เกาหลีก็มีการตอบรับที่ดีเหมือนกัน โดยปีนี้มี 2 หน่วยงานจากภาครัฐบาลที่ให้การสนับสนุน จากเดิมมีเพียงหน่วยงานเดียว ทำให้พื้นที่ของเครื่องสำอางเกาหลีจะมากขึ้น

ส่วนกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานก็หลากหลาย ทั้งเรื่องของเทรนด์ใหม่ ๆ ของแต่ละประเทศ รวมถึงการสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับ อย. การส่งออก การพัฒนาสินค้า ด้านการตลาด วิธีการสร้างแบรนด์ และวิธีการทำการตลาดออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีการทำเวิร์คช็อป มีบล็อกเกอร์และผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์น่าสนใจ จัดกิจกรรมให้มีการทดลองใช้สินค้า อาทิ การแต่งหน้าด้วยตนเอง เทคนิคการทำเล็บ ทำผม ตอนนี้เริ่มประชาสัมพันธ์ไปยังผู้สนใจเพื่อให้เข้ามาชมงานแล้ว พื้นที่ขายไปได้ 60% โดยเปิดลงทะเบียนให้ชมงานล่วงหน้าที่ www.aseanbeautyshow.com ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ด้านภาพรวมตลาดสุขภาพและความงามมีแนวโน้มมาแรงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและบุคลิกภาพของตนเอง หรือ มีสุขภาพที่ดีจากภายในสู่การมีภาพลักษณ์ที่ดีภายนอก ในปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดสุขภาพและความงาม มีมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตปีละ 7.8% แบ่งเป็น ตลาดในประเทศ 1.7 แสนล้านบาท และส่งออกอีก 8 หมื่นล้านบาท โดยการส่งออกตลาดหลักจะยังเป็นอาเซียนและประเทศเอเชียอื่น ได้แก่ ญี่ปุ่น และจีน

ขณะเดียวกัน จากการที่ตลาดเติบโตขึ้นทุกปี ทำให้มีผู้เล่นเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการรายใหม่ต้องทำการบ้านให้ดี เพราะตลาดมีความหลากหลายมากและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องหาความแตกต่างให้เจอ รวมถึงสร้างศักยภาพผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยอาจมีหน่วยงานวิจัยของรัฐรับรองคุณภาพสินค้า เนื่องจากที่ผ่านมาจะพบว่า ผู้บริโภคใช้สินค้าแล้วเกิดปัญหาอยู่ตลอด เพราะสินค้าไม่มีคุณภาพ นับเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงสำหรับคุณภาพของสินค้าและลอกเลียนแบบ หากมีสินค้าที่มีนวัตกรรมก็ควรจดลิขสิทธิ์ บริษัทมองว่า หากมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็ย่อมดีกว่าไปต่อสู้กันด้วยราคา ที่มีผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน

นางสาวอนุชนา กล่าวอีกว่า แม้ในเชิงของแบรนด์จะมีการแข่งขันรุนแรง แต่สำหรับผู้บริโภคแล้ว นับว่าเป็นเป็นปัจจัยบวก เนื่องจากการมีผู้เล่นเยอะทำให้ตลาดกลายเป็นของผู้ซื้อ จากเมื่อก่อนผู้เล่นน้อย ทำให้แบรนด์สามารถตั้งราคาได้ ในอดีต สินค้าอาจจะระดับราคาหลักพัน แต่ปัจจุบัน หลักร้อยกว่าก็สามารถเลือกซื้อได้แล้ว อย่างในแบรนด์ขนาดใหญ่เองก็พยายามลงมาเล่นแมสมากขึ้น ทำให้จับได้หลายกลุ่มทั้งระดับบน กลาง และล่าง

แนวโน้มของกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ มองว่า จะเป็นเครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย ซึ่งกำลังมาแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากความต้องการของตลาดที่เกิดขึ้น เพราะบริษัทไม่ได้จัดงานเพียงแค่ในประเทศไทย จะเห็นสัญญาณที่เกิดขึ้นได้จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น คนที่เข้าชมและเป็นผู้ซื้อ ก็มีจำนวนผู้ชายมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวต้องการมีบุคลิกภาพที่ดีไม่แพ้ผู้หญิงเช่นเดียวกัน

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-16-503x62