กพร. ชี้! แผนปฏิรูปขัดกับยุทธศาสตร์ชาติ แนะทบทวนตั้ง 52 หน่วยงานใหม่
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 ม.ค. 2562 มีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอให้ทบทวนการจัดตั้งหน่วยงาน คณะกรรมการและกองทุน ตามแผนการปฏิรูปประเทศ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยสาระสำคัญของเรื่อง สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานว่า แม้ว่า ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561 เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยให้คำนึงถึงเหตุผลความจำเป็นและคำนึงถึงค่าใช้จ่ายนั้น แต่ยังปรากฏว่า มีการเสนอร่างกฎหมายที่มีการจัดตั้งหน่วยงานคณะกรรมการและกองทุนต่อ ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นจำนวนมาก โดยอ้างว่าเป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศ
"ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแล้ว เห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวจะสร้างปัญหาค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต และยังทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ อันเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่า แผนการปฏิรูปประเทศที่กำหนดให้มีหน่วยงานตั้งใหม่ รวม 52 หน่วยงานนั้น ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561–2580 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ที่กำหนดให้ภาครัฐมีขนาดเล็กลงและเหมาะสมกับภารกิจ"
จากข้อเท็จจริงและสภาพปัญหาข้างต้น สำนักงาน ก.พ.ร. จึงเห็นควรให้มีการทบทวนข้อเสนอที่ให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยเห็นสมควรที่ ครม. จะได้มีมติให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ตัดข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานต่าง ๆ ออกจากแผนการปฏิรูปประเทศ และให้หน่วยงานถือปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561 โดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ ถ้าจะขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง กับต้องมีข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม (One – In, X – Out) เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านภารกิจและงบประมาณ รวมทั้งให้เสนอแผนการนำ Digital Technology มาใช้ในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน ประกอบคำขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐตามยุทธศาสตร์ชาติ
"ในการประชุม ก.พ.ร. ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 ก.พ.ร. ได้เห็นชอบกับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ข้างต้นแล้ว และมีมติให้เสนอ ครม. เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ก.พ.ร. มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ในการจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาตินั้น มิให้มีการกำหนดเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานไว้เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับแผนการปฏิรูปประเทศอีก"
โดยสาระสำคัญของเรื่อง สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานว่า แม้ว่า ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561 เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยให้คำนึงถึงเหตุผลความจำเป็นและคำนึงถึงค่าใช้จ่ายนั้น แต่ยังปรากฏว่า มีการเสนอร่างกฎหมายที่มีการจัดตั้งหน่วยงานคณะกรรมการและกองทุนต่อ ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นจำนวนมาก โดยอ้างว่าเป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศ
"ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแล้ว เห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวจะสร้างปัญหาค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต และยังทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ อันเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่า แผนการปฏิรูปประเทศที่กำหนดให้มีหน่วยงานตั้งใหม่ รวม 52 หน่วยงานนั้น ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561–2580 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ที่กำหนดให้ภาครัฐมีขนาดเล็กลงและเหมาะสมกับภารกิจ"
จากข้อเท็จจริงและสภาพปัญหาข้างต้น สำนักงาน ก.พ.ร. จึงเห็นควรให้มีการทบทวนข้อเสนอที่ให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยเห็นสมควรที่ ครม. จะได้มีมติให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ตัดข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานต่าง ๆ ออกจากแผนการปฏิรูปประเทศ และให้หน่วยงานถือปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561 โดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ ถ้าจะขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง กับต้องมีข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม (One – In, X – Out) เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านภารกิจและงบประมาณ รวมทั้งให้เสนอแผนการนำ Digital Technology มาใช้ในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน ประกอบคำขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐตามยุทธศาสตร์ชาติ
"ในการประชุม ก.พ.ร. ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 ก.พ.ร. ได้เห็นชอบกับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ข้างต้นแล้ว และมีมติให้เสนอ ครม. เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ก.พ.ร. มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ในการจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาตินั้น มิให้มีการกำหนดเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานไว้เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับแผนการปฏิรูปประเทศอีก"
