ร่างรัฐบาลดิจิทัลจ่อเข้าครม.เมษา โละแผนดาต้าเซ็นเตอร์แห่งชาติเหลือเพียงศูนย์สำรอง

11 มี.ค. 2559 | 00:00 น.
สรอ. เผยร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เตรียมเข้า ครม. พิจารณา เม.ย.59 นี้ ปรับแผนโครงการดาต้าเซ็นเตอร์แห่งชาติ มาเป็นระบบสำรองข้อมูลแทน พร้อมเร่งประสานบูรณาการข้อมูลรูปแบบใหม่ ยกระดับทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน

[caption id="attachment_36570" align="aligncenter" width="372"] ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด  ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สรอ.หรือ EGA ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด
ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สรอ.หรือ EGA[/caption]

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สรอ.หรือ EGA เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดทำร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย ระยะ 3 ปี พ.ศ. 2559-2561 เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในเดือนเมษายน 2558 พร้อมกับร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล

"สรอ.ได้ผลักดันมาตรการในแผนเพื่อต่อยอดความสำเร็จในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลแบบต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะเลือกยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถรองรับการไปสู่รัฐบาลดิจิทัลเป็นยุทธศาสตร์หลักของปีนี้"

ทั้งนี้แผนรูปธรรมนั้นจะมีการปรับจากโครงการดาต้าเซ็นเตอร์แห่งชาติ มาเป็นระบบข้อมูลสำรองหน่วยงานรัฐ โดยจะให้หน่วยงานรัฐทุกแห่งเปลี่ยนการลงทุนเรื่องการทำ Back-up site หรือการทำจุดสำรองข้อมูลมาไว้ที่ สรอ. เพื่อเตรียมการรองรับการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในด้านการเชื่อมโยงข้อมูลและการดำเนินงาน สามารถปรับเทคโนโลยีที่หลากหลายให้เป็นหนึ่งเดียว นำไปสู่การให้บริการรัฐแบบครบวงจรต่อไป

"ปัจจุบัน สรอ. เริ่มให้บริการ Back-up หรือสำรองข้อมูลให้กับหน่วยงานรัฐผ่านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งอยู่แล้ว แต่ยังไม่เป็นภาคบังคับ อย่างไรก็ตามได้รับความนิยมจากหน่วยงานรัฐที่ใช้ระบบ G-Cloud ของสรอ.จำนวนมาก ซึ่ง สรอ. จะมีการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบ G-Cloud เพิ่มขึ้น และคาดว่าปีนี้จะมีจุดให้หน่วยงานรัฐได้ทำสำรองข้อมูลได้ถึง 3 จุดใน 3 จังหวัด

ดร.ศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ต่อจากนั้นทาง สรอ.จะเร่งให้เกิดการบูรณาการข้อมูลประชาชนและนิติบุคคลจากหลากหลายหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เป็นภาพเดียว หรือ Single View of Citizen เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของงานบริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน อย่างไรก็ตามขณะนี้ข้อมูลที่มีอยู่ในระบบมีปริมาณมาก หลากหลายและซับซ้อน ถูกเก็บอยู่ในหลายหน่วยงาน ที่มีมาตรฐานต่างกันและมีกฎ ระเบียบที่จำกัดการบูรณาการข้อมูลในเชิงปฏิบัติ ดังนั้น สรอ.จะเข้ามาประสานงานให้เกิดระบบเชื่อมโยงข้อมูลกลางเพื่อบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานโดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และสร้างระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลบุคคลขึ้นมา

โดยสิ่งที่จะตามมาหลังจากการวางระบบเสร็จแล้วก็คือ ต่อไปประชาชนจะสามารถยืนยันตัวตนและบริหารจัดการสิทธิ์โดยใช้ สมาร์ทการ์ด หรือผ่านบัญชีผู้ใช้อิเล็กทรอนิกส์กลางได้ โดยจะมีบริการข้อมูลการบริการผ่านจุดเดียวโดยมีผู้รับบริการเป็นศูนย์กลางเกิดขึ้นตามมา

สำหรับการต่อยอดในภาคธุรกิจนั้น สรอ.ได้เลือกธุรกิจท่องเที่ยว การเกษตร การลงทุน การนำเข้า และส่งออก การส่งเสริม SMEs และระบบภาษีแบบบูรณาการ ล่าสุด สรอ.ร่วมกับกรมบัญชีกลาง จัดทำระบบการบูรณาการข้อมูลเพื่อทำให้ประชาชนได้รับรู้ว่าภาษีที่แปลงเป็นงบประมาณลงในพื้นที่ต่างๆ ได้รับการจัดสรรไปแต่ละพื้นที่อย่างไร ซึ่งเป็นตัวอย่างการบูรณาการข้อมูลในรูปแบบโอเพ่นดาต้า และด้านการส่งเสริมภาคธุรกิจก็มีความร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ กพร.จัดตั้ง Biz Portal (biz.govchannel.go.th) เว็บไซต์แหล่งรวมข้อมูลและบริการภาคธุรกิจของภาครัฐและในอนาคตจะนำเข้ามาสู่เว็บไซต์กลางคือ govchannel.go.th จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งระบบ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,138 วันที่ 10 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2559