สทนช. ย้ำ! ยังต้องเฝ้าระวัง 3 จังหวัด "นครศรีฯ–สุราษฏร์-ตรัง" เหตุน้ำยังปริ่มตลิ่ง ประสาน กฟผ. ปรับลดการระบายเขื่อนรัชชประภา บรรเทาผลกระทบจากฝนที่ตกในพื้นที่ พร้อมคาดการณ์สถานการณ์เริ่มคลี่คลายเหตุฝนใต้จะเริ่มลดลงช่วง 19–23 ธ.ค. นี้
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ภาพรวมของประเทศขณะนี้ ว่า ปัจจุบันภาคใต้ยังมีฝนตกหนักบางแห่งใน 12 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยปริมาณฝน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนหนักถึงหนักมาก 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นราธิวาส อ.เมือง 91.7 มม. ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช อ.สิชล 61 มม. และ อ.เมือง 59.5 มม. อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19-23 ธ.ค. 2561 ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ขณะที่ ภาคใต้ฝนจะลดลง
"จากปริมาณฝนตกสะสมในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2561 ส่งผลให้น้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง พื้นที่ได้รับผลกระทบ 31 อำเภอ 157 ตำบล 847หมู่บ้าน โดยใน 1-2 วันนี้ ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนัก ปริมาณฝนสะสมอาจส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง แม่น้ำสายสำคัญระดับอยู่ในระดับวิกฤติ ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช คลองท่าดี อ.เมือง, คลองกลาย อ.ท่าศาลา และคลองท่าเลา อ.ทุ่งสง จ.ตรัง แม่น้ำตรัง บริเวณ อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ และ อ.ห้วยยอด และ จ.สุราษฎร์ธานี แม่น้ำตาปี บริเวณ อ.พระแสง-เวียงสระ และคลองกระแดะ บริเวณ อ.กาญจนดิษฐ์" นายสมเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สทนช. ได้ติดตามสภาพอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำมากกว่า 80% ของความจุที่ต้องเฝ้าระวังในภาคใต้ แบ่งเป็น ขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ แก่งกระจาน คิดเป็น 87% น้ำไหลเข้าวันละ 1.20 ล้าน ลบ.ม. ระบายออก 1.04 ล้าน ลบ.ม., เขื่อนปราณบุรี 90% น้ำไหลเข้าวันละ 0.67 ล้าน ลบ.ม. ออก 0.25 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนรัชชประภา 84% น้ำไหลเข้าวันละ 11.98 ล้าน ลบ.ม. ระบายออก 5.06 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 16 แห่ง ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนรัชชประภา เพื่อป้องกันความเสี่ยงน้ำที่อาจเพิ่มบริเวณ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จากแม่น้ำตาปี พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ซึ่งแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์และกำชับทุกหน่วยงานให้มีการเตรียมแผนบรรเทาผลกระทบอย่างทันท่วงที โดยแจ้งเตือนประชาชน พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สัมพันธ์กับความจุของอ่างเก็บน้ำและสภาพด้านท้ายน้ำ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่และพร้อมสำหรับช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าในวันที่ 20 ธ.ค. 2561 ปริมาณฝนในพื้นที่ภาคใต้จะลดลง
นายสมเกียติ กล่าวเพิ่มเติมถึงปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ ว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 อ่าง มีปริมาณน้ำ 55,523 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 78% ปริมาณน้ำใช้การ 31,981 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 68% อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 419 แห่ง มีปริมาณน้ำ 3,750 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 69% ปริมาณน้ำใช้การ 3,325 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 66% ทั้งนี้ ยังคงติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนน้ำน้อยอย่างใกล้ชิด ให้เป็นไปตามแผนการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งอย่างเคร่งครัด โดยอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำระหว่าง 30-50% ของปริมาณน้ำใช้การ แบ่งเป็น ขนาดใหญ่ 6 แห่ง ได้แก่ แม่มอก ห้วยหลวง ลำพระเพลิง มูลบน ลำนางรอง สิรินธร ขนาดกลาง 58 แห่ง ขณะที่ อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำน้อยกว่า 30% ของปริมาณน้ำใช้การ ได้แก่ ขนาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ อุบลรัตน์ 216 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 12%, ทับเสลา 24 ล้าน ลบ.ม. 17% และกระเสียว 34 ล้าน ลบ.ม. 13% และขนาดกลาง 42 แห่ง
[caption id="attachment_362480" align="aligncenter" width="335"]
[/caption]