"กองทุนฮอนด้า" เดินหน้าสร้างสมดุลลุ่มน้ำยม
จากแนวทางการดำเนินงานของ "กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย" ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ที่นำเงินสนับสนุนจากเงินสมทบ 1,000 บาทต่อการขายรถยนต์ 1 คัน, 100 บาทต่อการขายรถจักรยานยนต์ 1 คัน และ 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1 เครื่อง ด้วยเงินสะสม 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างประโยชน์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ต่อเนื่องจนมาเป็นความร่วมมือกับ "มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์" ในการพัฒนาและป้องกัน ซึ่งขณะนี้ได้เข้าช่วยพัฒนาแล้ว 3 ลุ่มน้ำ
เริ่มจากพื้นที่ ต.นาแขม ต.เมืองเก่า ต.ดงขี้เหล็ก และ ต.หัวหว้า จ.ปราจีนบุรี ที่บรรลุผลสำเร็จแล้ว ต่อมาได้ขยายผลสู่พื้นที่ลุ่มนํ้าน่าน โดยตลอด 2 ปี สามารถพัฒนาแหล่งนํ้าและเสริมศักยภาพโครงสร้างนํ้า บรรเทาปัญหานํ้าหลาก นํ้าท่วม และนํ้าแล้ง ในพื้นที่ ต.บ่อเกลือใต้ และ ต.บ้านร้องแง จ.น่าน และ ต.นครป่าหมาก จ.พิษณุโลก และในปี 2561 โครงการได้ขยายผลการดำเนินงานสู่พื้นที่ลุ่มนํ้ายม ซึ่งเป็นแหล่งต้นนํ้า 1 ใน 25 ลุ่มนํ้าหลัก ครอบคลุม 10 จังหวัดภาคเหนือ โดยขณะนี้สนับสนุนงบประมาณรวม 3 ลุ่มนํ้า กว่า 42.6 ล้านบาท
"ตอนนี้เรามี 3 ลุ่มแม่นํ้า และยังทำต่อเนื่อง ยังมีที่ที่ให้พัฒนาอีกเยอะ สิ่งที่ฮอนด้าเข้าไปมีส่วนร่วมมันเล็กมาก เราต้องการเข้ามาเสริมและสร้างให้เป็นต้นแบบ เพื่อนำร่องทำให้ชุมชนเกิดความรู้สึกความเป็นเจ้าของ เกิดการพัฒนาและเกิดความยั่งยืน จนที่อื่นอยากทำตาม เรามีหน้าที่เข้ามาช่วยเสริม" นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าว
"ดร.รอยล จิตรดอน" กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ บอกว่า ที่ชุมชนแม่จั๊วะ จ.แพร่ ได้ฟื้นฟูลำห้วยหีด ซึ่งเป็นลำห้วยสาขาของลำห้วยแม่จั๊วะ โดยสร้างฝายชะลอนํ้า 5 ฝาย และฝายหินก่อขนาดใหญ่อีก 1 ฝาย เพื่อช่วยดักตะกอนและชะลอนํ้าหลาก ซึ่งเมื่อชุมชนได้นํ้าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ชาวบ้านก็ต้องเรียนรู้การบริหารจัดการนํ้า การเปลี่ยนจากปลูกพืชเชิงเดียวมาเป็นพืชสวนตามเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นการพัฒนาป่าให้ดีขึ้น สร้างผลผลิตจากป่า ซึ่งสามารถสร้างรายได้ได้สูงกว่าการทำนา 1 ปี โดยมีตัวเลขจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ทำป่า 1 ไร่ จะมีรายได้ต่อปีประมาณ 9 หมื่นบาท เทียบกับทำนา 1 ไร่ มีรายได้ 3-4 พันบาทต่อปี โดยพืชที่ได้จากป่า อาทิ ผักหวาน เห็ด และอื่น ๆ
จากเป้าหมายของกรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าฯ ที่ต้องการป้องกันและพัฒนา กำลังส่งผลและขยายผลไปเรื่อย ๆ โดยโครงการพัฒนาแหล่งนํ้าตามแนวพระราชดำริพื้นที่ลุ่มนํ้ายม เป็นโครงการต่อเนื่อง 3 ปี (2561-2563) ดำเนินงานใน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.พื้นที่ต้นนํ้า ใน ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา 2.พื้นที่กลางนํ้า ประกอบด้วย 2 พื้นที่ ได้แก่ ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย และบ้านป่าเลา อ.สอง และ 3.พื้นที่ปลายนํ้า ใน ต.หนองจิก อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย
หน้า 28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,428 วันที่ 20-22 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เริ่มจากพื้นที่ ต.นาแขม ต.เมืองเก่า ต.ดงขี้เหล็ก และ ต.หัวหว้า จ.ปราจีนบุรี ที่บรรลุผลสำเร็จแล้ว ต่อมาได้ขยายผลสู่พื้นที่ลุ่มนํ้าน่าน โดยตลอด 2 ปี สามารถพัฒนาแหล่งนํ้าและเสริมศักยภาพโครงสร้างนํ้า บรรเทาปัญหานํ้าหลาก นํ้าท่วม และนํ้าแล้ง ในพื้นที่ ต.บ่อเกลือใต้ และ ต.บ้านร้องแง จ.น่าน และ ต.นครป่าหมาก จ.พิษณุโลก และในปี 2561 โครงการได้ขยายผลการดำเนินงานสู่พื้นที่ลุ่มนํ้ายม ซึ่งเป็นแหล่งต้นนํ้า 1 ใน 25 ลุ่มนํ้าหลัก ครอบคลุม 10 จังหวัดภาคเหนือ โดยขณะนี้สนับสนุนงบประมาณรวม 3 ลุ่มนํ้า กว่า 42.6 ล้านบาท
"ตอนนี้เรามี 3 ลุ่มแม่นํ้า และยังทำต่อเนื่อง ยังมีที่ที่ให้พัฒนาอีกเยอะ สิ่งที่ฮอนด้าเข้าไปมีส่วนร่วมมันเล็กมาก เราต้องการเข้ามาเสริมและสร้างให้เป็นต้นแบบ เพื่อนำร่องทำให้ชุมชนเกิดความรู้สึกความเป็นเจ้าของ เกิดการพัฒนาและเกิดความยั่งยืน จนที่อื่นอยากทำตาม เรามีหน้าที่เข้ามาช่วยเสริม" นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าว
"ดร.รอยล จิตรดอน" กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ บอกว่า ที่ชุมชนแม่จั๊วะ จ.แพร่ ได้ฟื้นฟูลำห้วยหีด ซึ่งเป็นลำห้วยสาขาของลำห้วยแม่จั๊วะ โดยสร้างฝายชะลอนํ้า 5 ฝาย และฝายหินก่อขนาดใหญ่อีก 1 ฝาย เพื่อช่วยดักตะกอนและชะลอนํ้าหลาก ซึ่งเมื่อชุมชนได้นํ้าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ชาวบ้านก็ต้องเรียนรู้การบริหารจัดการนํ้า การเปลี่ยนจากปลูกพืชเชิงเดียวมาเป็นพืชสวนตามเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นการพัฒนาป่าให้ดีขึ้น สร้างผลผลิตจากป่า ซึ่งสามารถสร้างรายได้ได้สูงกว่าการทำนา 1 ปี โดยมีตัวเลขจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ทำป่า 1 ไร่ จะมีรายได้ต่อปีประมาณ 9 หมื่นบาท เทียบกับทำนา 1 ไร่ มีรายได้ 3-4 พันบาทต่อปี โดยพืชที่ได้จากป่า อาทิ ผักหวาน เห็ด และอื่น ๆ
จากเป้าหมายของกรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าฯ ที่ต้องการป้องกันและพัฒนา กำลังส่งผลและขยายผลไปเรื่อย ๆ โดยโครงการพัฒนาแหล่งนํ้าตามแนวพระราชดำริพื้นที่ลุ่มนํ้ายม เป็นโครงการต่อเนื่อง 3 ปี (2561-2563) ดำเนินงานใน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.พื้นที่ต้นนํ้า ใน ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา 2.พื้นที่กลางนํ้า ประกอบด้วย 2 พื้นที่ ได้แก่ ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย และบ้านป่าเลา อ.สอง และ 3.พื้นที่ปลายนํ้า ใน ต.หนองจิก อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย
หน้า 28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,428 วันที่ 20-22 ธันวาคม พ.ศ. 2561
