'จ๊อบไทย' แนะ "สวัสดิการเด่น" ที่คนทำงานอยากได้

13 ธ.ค. 2561 | 04:04 น.
หากพูดถึง "สวัสดิการในที่ทำงาน" ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนทำงานให้ความสำคัญมาก และมีผลต่อการตัดสินใจเข้าทำงานกับองค์กรนั้น ๆ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้รูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และส่งผลให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ แม่ค้าออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งเป็นอาชีพที่คนรุ่นใหม่หลายคนให้ความสนใจมากกว่าการทำงานประจำ

สาเหตุนี้ทำให้หลายองค์กรเริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องการจัดสรรสวัสดิการให้แก่คนทำงาน เพื่อเป็นเครื่องมือในการดึงดูดใจให้คนอยากเข้ามาทำงานกับองค์กรและเพื่อรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพ

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) ได้พูดถึงข้อมูล "สวัสดิการเด่นของ 4 ประเภทองค์กรในไทย ที่มอบให้พนักงาน" โดยได้ทำการสำรวจจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลขององค์กรในประเทศไทย จำนวน 457 คน ไปลองชมกันว่า องค์กรแต่ละประเภทจะมีสวัสดิการเด่นที่มอบให้พนักงานในเรื่องอะไรกันบ้าง

เริ่มต้นกันที่องค์กรประเภทรัฐวิสาหกิจ โดย 5 สวัสดิการแรก ที่องค์ประเภทนี้ได้จัดสรรให้กับพนักงาน ได้แก่ 1.โบนัส 2.ตรวจสุขภาพประจำปี 3.ค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว 4.เงินกู้ยืม 5.ค่าล่วงเวลา


B0596C40-830E-4305-9EAA-6C2A88F84494

สำหรับสวัสดิการที่โดดเด่นขององค์กรประเภทรัฐวิสาหกิจ คือ สวัสดิการด้านสุขภาพ เนื่องจากเป็นองค์กรที่รัฐบาลถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ จึงมีการจัดสรรสวัสดิการเกี่ยวกับการเสริมสร้างสุขภาพเช่นเดียวกับหน่วยงานราชการ ซึ่งสวัสดิการด้านสุขภาพ สามารถดึงดูดให้คนอยากเข้ามาทำงานในองค์กรประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี

 

[caption id="attachment_360472" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

นอกจากนี้ ยังมีสวัสดิการที่น่าสนใจ อย่าง รางวัลพนักงานดีเด่นประจำปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้พนักงานมีการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานอยู่เสมอ ขณะที่ พนักงานในองค์กรประเภทนี้ได้ให้ความสำคัญกับวันหยุด-วันลา ตามกฎหมายกำหนด, โบนัส, ประกันสุขภาพ, ประกันสังคม และค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว ตามลำดับ


32BA2154-035C-480B-9320-F6CA7F419EC2

ต่อกันที่องค์กรประเภทเอกชนไทย องค์กรประเภทนี้ถือเป็นองค์กรที่มีการแข่งขันในการสรรหาบุคลากรค่อนข้างสูง จึงได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิการของพนักงานเป็นอย่างมาก โดย 5 สวัสดิการแรกที่องค์ประเภทนี้ได้จัดสรรให้กับพนักงาน ได้แก่ 1.โบนัส 2.ค่าล่วงเวลา 3.เงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล 4.เบี้ยขยัน 5.เงินสนับสนุน เช่น งานแต่งงาน งานอุปสมบท

นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรสวัสดิการที่โดดเด่นจากองค์กรประเภทอื่น ๆ เช่น จัดคอร์สอบรมและพัฒนาความรู้ให้แก่พนักงานภายในออฟฟิศ ซึ่งการสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยให้พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น และยังสามารถมัดใจให้บุคลากรที่มีศักยภาพอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ ด้วย ในขณะที่ พนักงานขององค์กรเอกชนไทยได้ให้ความสำคัญกับสวัสดิการด้านวันหยุด-วันลา ตามกฎหมายกำหนด, โบนัส, ประกันสังคม, ประกันสุขภาพ และค่าล่วงเวลา ตามลำดับ

ส่วนองค์กรประเภทเอกชนต่างชาติได้มีการจัดสรรสวัสดิการให้กับพนักงานอย่างรอบด้าน ได้แก่ 1.โบนัส 2.สถานที่ออกกำลังกายภายในออฟฟิศ 3.ห้องรักษาพยาบาลเบื้องต้นภายในออฟฟิศ 4.ส่งพนักงานไปอบรมหรือศึกษาดูงานต่างประเทศ 5. เงินกู้ยืม


0246FBE3-E990-4040-8C1A-D81AFAE09B2B

ด้วยความที่องค์กรต้องมีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น สวัสดิการเด่นขององค์กรประเภทนี้ ก็คือ การส่งพนักงานไปอบรม หรือ ศึกษาดูงานต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นสวัสดิการที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงานได้เป็นอย่างดี ส่วนพนักงานในองค์กรประเภทนี้ได้ให้ความสำคัญกับโบนัส, วันหยุด-วันลา ตามกฎหมายกำหนด, ประกันสุขภาพ, ประกันสังคมและค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว ตามลำดับ

ปิดท้ายด้วยองค์กรประเภทสตาร์ทอัพ (Startup) แน่นอนว่า เป็นองค์กรประเภทใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ส่วนใหญ่จะต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี หรือ นวัตกรรม ดังนั้น กลุ่มคนทำงานในองค์กรประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิด หรือ วิธีการทำงานที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ

องค์กรประเภทสตาร์ทอัพ (Startup) ได้มีการจัดสรร 5 สวัสดิการแรกให้กับพนักงาน ได้แก่ 1.โบนัส 2.วันหยุด-วันลา ตามกฎหมายกำหนด 3.เบี้ยขยัน 4.ประกันสังคม 5.กิจกรรมสันทนาการ ซึ่งอาจจะไม่ได้แตกต่างกับองค์กรประเภทอื่น แต่ที่โดดเด่น คือ มีการจัดสรรสวัสดิการในเรื่องเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้ (Flexible Hour) รวมถึงมีสวัสดิการเกี่ยวกับพื้นที่สันทนาการในออฟฟิศให้พนักงานได้พักผ่อนหย่อนใจในระหว่างการทำงาน อาทิ พื้นที่เล่นเกม เล่นกีฬา และเล่นดนตรี เป็นต้น


7F617D33-9E86-4642-A325-3C6D8CD091A1

สอดคล้องกับการสำรวจของฝั่งพนักงานที่ทำงานในองค์กรประเภทนี้ พบว่า พวกเขาให้ความสำคัญในเรื่องเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้ (Flexible Hour) มาเป็นอันดับแรก เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่มองว่า โลกปัจจุบันที่ไร้พรมแดนทั้งด้านการสื่อสาร เวลา และสถานที่ ทำให้สามารถทำงานและมีชีวิตส่วนตัวที่สมดุลกันได้ โดยเน้นที่ประสิทธิภาพของตัวงานมากกว่าการกำหนดเวลาเข้า-ออกงาน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับสวัสดิการด้านโบนัส, วันหยุด-วันลา ตามกฎหมายกำหนด, ประกันสุขภาพ และการทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ (MobileWorking) ตามลำดับ

จากผลสำรวจข้างต้นจะเห็นว่า ความต้องการด้านสวัสดิการจากฝั่งพนักงานทั้ง 4 ประเภทองค์กรนั้น สวัสดิการเรื่องโบนัส และวันหยุด-วันลา ตามกฎหมายกำหนด ยังคงเป็นสวัสดิการที่คนทำงานทุกองค์กรให้ความสำคัญมาเป็นอันดับต้น ๆ และอีกหนึ่งสวัสดิการที่คนทำงานทุกประเภทองค์กรต้องการเหมือนกัน ได้แก่ สวัสดิการด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพ ประกันสังคม ประกันอุบัติเหตุ สืบเนื่องจากคนทำงานส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในที่ทำงานไม่ต่ำกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำให้คนทำงานอาจมีพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านสุขภาพได้ เช่น การทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนความเครียดที่เกิดจากการทำงาน ดังนั้น การดูแลสุขภาพของคนทำงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากนี้ หากองค์กรสามารถจัดสรรสวัสดิการที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนทำงานในยุคปัจจุบันได้ ก็จะช่วยดึงดูดให้คนอยากเข้ามาทำงานกับองค์กร และยังช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานที่ดีขึ้นได้อีกด้วย

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว