พาณิชย์ เยือนจีน หารืออาลีบาบา กำหนดแนวทางนำอี-คอมเมิร์ซมาช่วยแก้ปัญหาความยากจนของไทย

04 ธ.ค. 2561 | 09:32 น.
พาณิชย์ เยือนจีน หารืออาลีบาบา กำหนดแนวทางนำอี-คอมเมิร์ซมาช่วยแก้ปัญหาความยากจนของไทย ใช้ "เถาเป่า วิลเลจ" เป็นโมเดลต้นแบบขยายตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมหารือแลกเปลี่ยนนโยบายกับผู้บริหารอาลีบาบา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้มอบหมายให้จัดคณะผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ กำหนดแนวทาง และวิธีการนำอี-คอมเมิร์ซ มาช่วยแก้ปัญหาความยากจนของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ห่างไกลกับผู้บริหารของอาลีบาบา เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนโดยเร็ว
ดังนั้น ระหว่างวันที่ 5 - 7 ธันวาคม 2561 กระทรวงพาณิชย์พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินทางไปจีนเพื่อร่วมหารือและกำหนดแนวทางการนำอี-คอมเมิร์ซมาช่วยแก้ปัญหาความยากจนของประเทศไทยกับผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบา โดยเฉพาะการนำ เถาเป่า วิลเลจมาเป็นโมเดลต้นแบบในการพัฒนาช่องทางตลาดเพื่อค้าขายสินค้าเกษตร/ผลิตภัณฑ์ชุมชนให้แก่เกษตรกรและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทยในรูปแบบออนไลน์ และร่วมกันกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมเชิงลึก (Intensive Workshop) ที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ระยะเวลาในการอบรม คุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของไทยเข้าร่วมกิจกรรม Workshop ณ ศูนย์การเรียนรู้ของอาลีบาบา (Alibaba Campus) และสามารถนำมาสังเคราะห์แนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม

[caption id="attachment_356999" align="aligncenter" width="503"] สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์[/caption]

ทั้งนี้ เถาเป่า วิลเลจเป็นหมู่บ้านการเกษตรที่ประชาชนในหมู่บ้านได้ก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ และมีการค้าขายผลิตภัณฑ์ชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ อี-คอมเมิร์ซอย่างเป็นระบบ ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญและเป็นโมเดลต้นแบบที่ทำให้เกิดธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในชนบทของจีน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หมู่บ้าน Taobao และ เมือง Taobao โดยคุณสมบัติที่จะเป็นหมู่บ้าน Taobao ได้ ต้องประกอบด้วย ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชนบท มีมูลค่าการซื้อขายในช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านหยวนต่อปี และ ครัวเรือนในหมู่บ้าน อย่างน้อยร้อยละ 10 มีส่วนร่วมในกิจกรรมอี-คอมเมิร์ซ หรือมีร้านค้าออนไลน์ที่เปิดโดยคนในหมู่บ้านอย่างน้อย 100 แห่ง ซึ่งปัจจุบันมีหมู่บ้าน Taobao กว่า 3,202 แห่ง และ เมือง Taobao กว่า 363 แห่ง (เมือง Taobao 1 แห่ง จะต้องมีหมู่บ้าน Taobao อย่างน้อย 3 แห่งขึ้นไป) ทั่วสาธารณรัฐประชาชนจีน (เฉพาะมณฑลเจ้อเจียง มีหมู่บ้าน Taobao จำนวน 1,172 แห่ง และ เมือง Taobao จำนวน 128 แห่ง ซึ่งเป็นมณฑลที่มีหมู่บ้านและเมือง Taobao มากที่สุดในสาธารณรัฐประชาชนจีน) โดยสินค้าที่มีการจำหน่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ กระเป๋าและเครื่องหนัง ของเล่น ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้าน เตียง ผลิตภัณฑ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง และอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน
นอกจากนี้ จะเดินทางไปเยี่ยมชมและประชุมหารือกับผู้บริหารของ เห่อหม่า เฟรช สโตร์ ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (New Retail) ที่ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2560 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยการนำรูปแบบค้าปลีกผ่านช่องทางออนไลน์มาผนวกเข้ากับรูปแบบร้านค้าปลีกดั้งเดิม (ออฟไลน์) หรือที่เรียกว่า Omni Channel ด้วยเทคโนโลยีและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ทำให้ผู้บริโภคสามารถจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลูกค้าของ Hema จะสมัครเป็นสมาชิกของร้าน และดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไว้บนโทรศัพท์มือถือหรือแทปเลท ซึ่งแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะเชื่อมโยงสมาชิกเข้ากับบริการของเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ คือ Taobao และบริการชำระเงิน Alipay ซึ่งสมาชิกสามารถสั่งซื้อสินค้า ชำระเงิน และรอรับการจัดส่งสินค้าภายใน 30 นาที (สำหรับรัศมีการให้บริการ 3 กิโลเมตร) ปัจจุบัน Hema Store มีสาขากว่า 80 แห่งทั่วสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีแผนที่จะขยายเป็น 400 สาขา ภายในปี 2562 โดยลูกค้าเป้าหมายหลักเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง

595959859