MTC ลุยโรดโชว์ฮ่องกง-สิงคโปร์  ปักธงยกระดับหุ้นเข้าดัชนี DJSI ใน 5 ปี

22 พ.ย. 2561 | 04:03 น.
MTC ผนึกโบรกเกอร์รายใหญ่เดินหน้าโรดโชว์ “ฮ่องกง-สิงคโปร์” เดือน พ.ย.นี้ หวังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบันต่างชาติจากปัจจุบันที่มีอยู่ 9% ชี้หลังแบงก์ชาติออกเกณฑ์ดูแลสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการ ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ยกระดับหุ้นเข้าดัชนี DJSI

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยแคปปิตอล จำกัด(มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายน 2561 ทีมผู้บริหารของบริษัทจะเดินทางไปโรดโชว์ 2 ประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. 2561 ที่ประเทศสิงคโปร์  ซึ่งเป็นการจัดงานร่วมกับทางดอยซ์ทิสโก้ โดยมีกองทุนชั้นนำที่จะเข้าร่วมรับฟังข้อมูลกว่า 20 แห่ง  ขณะที่วันที่ 26 พ.ย.2561 เดินทางไปยังประเทศฮ่องกง โดยเข้าร่วมงานกับ บล.ภัทร  ซึ่งจะมีกองทุนชั้นนำที่เข้าร่วมรับฟังข้อมูลกว่า 10 แห่ง

วัตถุประสงค์ของการเดินทางไปโรดโชว์ในครั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจกับสถาบันต่างชาติ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกเกณฑ์ดูแลควบคุมสินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของ MTC และจะเป็นผลดีกับผู้ประกอบการทั้งอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันการเดินทางไปโรดโชว์จะทำให้ต่างชาติได้รับข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน และหันมาให้ความสนใจหุ้นมากขึ้น  ดังนั้น จึงมีโอกาสเข้ามาเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น MTC ได้มากกว่า 11%  จากปัจจุบันอยู่ที่ 9%

นอกจากนี้การที่ดัชนี MSCI ได้นำหุ้น MTC เข้าไปคำนวณดัชนี คาดจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่ใช้ดัชนีดังกล่าวเป็นตัวอ้างอิงการลงทุน ต้องหันมาเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น MTC ซึ่งจะช่วยให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในระยะยาว 3-5 ปี บริษัทฯตั้งเป้าหมายจะยกระดับหุ้นให้เข้าไปอยู่ในดัชนีความยั่งยืนหรือ DJSI ให้ได้ภายใน 5 ปี โดยยังคงมุ่งเน้นที่จะขยายการเติบโตในประเทศเป็นหลัก เพราะมองว่ายังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ก่อนจะพิจารณาขยายการลงทุนในประเทศกลุ่ม CLMV

สำหรับปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดปล่อยสินเชื่อเป็น 35% และในปี 2563 คาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อจะยังเติบโตที่ 30% เนื่องจากมองว่าธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ มีแนวโน้มการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้ง และความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลจะช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา