ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน "ThaiBev" ที่ "AA"

18 พ.ย. 2561 | 01:00 น.
"ทริสเรทติ้ง" คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ThaiBev ที่ระดับ "AA" โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการมีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ และแหล่งรายได้ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนภาระหนี้ที่สูงของบริษัท รวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวด และการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย


ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผลการดำเนินงานในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น

"ทริสเรทติ้ง"
คาดว่า ผลการดำเนินงานของธุรกิจเครื่องดื่มภายในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 รายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มภายในประเทศของบริษัทปรับตัวลดลง 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าทางการเกษตรที่ปรับตัวลดลง อัตราการทำกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจึงปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 15.3% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 เมื่อเทียบกับระดับ 17.4% ในปีงบประมาณ 2560 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่า การบริโภคเครื่องดื่มภายในประเทศจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 เนื่องจากภาครัฐมีการใช้งบประมาณมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับการฟื้นตัวของราคาสินค้าทางการเกษตร ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่า รายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มภายในประเทศของบริษัทจะฟื้นตัวและจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ต่อปี ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2564 อีกทั้งยังประเมินว่า อัตราการทำกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะกลับขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 17%


ความพยายามที่ต่อเนื่องในการเพิ่มแหล่งรายได้

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งวัตถุประสงค์สำคัญประการหนึ่งในการซื้อกิจการ คือ การเพิ่มแหล่งรายได้ใน 2 มิติ คือ ทั้งในด้านประเภทของสินค้าและในด้านพื้นที่ทางการตลาด ทั้งนี้ ในปี 2560 บริษัทมีการลงทุนที่สำคัญ 3 รายการ ทั้งในประเทศไทยและในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยบริษัทซื้อหุ้นจำนวน 75% ของกลุ่ม Grand Royal (GRG) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุรารายใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมา หลังจากนั้น บริษัทก็ได้ซื้อกิจการร้าน KFC จำนวน 252 สาขาในประเทศไทย จาก Yum Restaurants International (Thailand) Co., Ltd. และได้ซื้อหุ้นในสัดส่วน 53.59% ใน Saigon Beer-Alcohol-Beverage Joint Stock Corporation (Sabeco) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม

การซื้อกิจการดังกล่าวสร้างประโยชน์หลายประการให้แก่บริษัท เช่น เพิ่มกระแสเงินสด เพิ่มความหลากหลายของแบรนด์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท และขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน โดยรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3% ของยอดขายในปีงบประมาณ 2560 เป็นมากกว่า 25% ของยอดขายในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดภายในประเทศและช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ น้อยลง นอกจากนี้ ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศเมียนมาและเวียดนามก็มีโอกาสเติบโตสูงเมื่อเทียบกับตลาดที่อิ่มตัวในประเทศไทย


สถานะที่แข็งแกร่งในตลาดเครื่องดื่ม

บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นเวลานาน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามปริมาณการขายสำหรับสุรามากกว่า 90% และสำหรับเบียร์ประมาณ 40% นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่มและน้ำดื่ม และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายสำคัญในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ อีกด้วย สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น Sabeco เป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40% ในขณะที่ กลุ่ม Grand Royal ก็เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุราสีรายใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมา ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากว่า 70%


มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง

บริษัทมีเครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวาง ซึ่งครอบคลุมร้านค้าปลีกในประเทศไทยมากกว่า 400,000 ร้าน โดยมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ 4 แห่ง และมีรถขนส่งสินค้า 7,300 คัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีช่องทางจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 300 ราย และมีพนักงานขายมากกว่า 1,300 คน อีกทั้งยังขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนผ่านบริษัทในเครือที่สำคัญ ๆ ด้วย อาทิ Fraser and Neave Ltd. (F&N) ซึ่งมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดของตนเองในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนการซื้อกิจการอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ล่าสุด ยังช่วยเพิ่มเครือขายในการกระจายสินค้าในประเทศเมียนมาและเวียดนามอีกด้วย


บาร์ไลน์ฐาน