กสิกรไทย ผนึกลอมบาร์ดรุกวางแผนการเงินเศรษฐี

15 พ.ย. 2561 | 08:44 น.
 

ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนและปัจจัยความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น แนวโน้มธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) จึงไม่ได้แข่งขันเฉพาะการแนะนำลงทุนอย่างเดียว แต่ยังเป็นการทำให้สินทรัพย์เติบโตขึ้น พร้อมส่งต่อลูกหลาน ซึ่งภายใต้ความร่วมมือกับลอมบาร์ดโอเดียร์ ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้เดินสายให้คำแนะนำลูกค้าถึงเชียงใหม่ หนึ่งในยุทธศาสตร์หัวเมืองสำคัญในการเป็นผู้นำให้บริการไพรเวต แบงก์นอกเหนือจากภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี และขอนแก่น

“จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์” ผู้บริหารสายงานธุรกิจบริการไพรเวตแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โจทย์ของลูกค้ามั่งคั่งวันนี้ คือ สินทรัพย์หรือความมั่งคั่งที่มีอยู่จะเติบโตได้อย่างไรและจะส่งต่อความมั่งคั่งไปยังลูกค้าอย่างไร วันนี้เป็นเรื่องการวางแผนทางการเงิน ธนาคารจึงมีบริการ Wealth Planning Service เริ่มนำเสนอกับลูกค้าที่ภูเก็ตไปเมื่อปีแล้ว และในปีนี้เป็นจังหวัดเชียงใหม่

[caption id="attachment_347326" align="aligncenter" width="335"] กสิกร3 (2) จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์[/caption]

ลูกค้าในพื้นที่เชียงใหม่มี 12-15 ครอบครัวใหญ่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีที่ดิน ทำธุรกิจตัวแทนขายรถยนต์ ค้าปลีกค้าส่ง และเจ้าของโรงแรม ซึ่งหากดูมูลค่าสินทรัพย์รวมราว 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นสินทรัพย์สภาพคล่องราว 6 พันล้านบาทและที่ดินอีก 6 พันล้านบาท ธนาคารได้เริ่มวางแผนการเงิน โดยเสนอการทำ Land Loan เพราะหลังจากได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ในการรับที่ดินมาเป็นหลักประกัน เพื่อขอสินเชื่อและนำไปลงทุน หรือ Land Loan มีลูกค้านำที่ดินมาให้พิจารณา 2-3 ราย ปล่อยสินเชื่อเพื่อลงทุนไปแล้วหลักร้อยล้านบาท และอยู่ระหว่างเบิกถอนอีก 1,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดค่อนข้างมีความผันผวน ทำให้แผนปล่อยสินเชื่อเพื่อลงทุนชะลอกว่าแผนที่วางไว้ ภายในสิ้นปี คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อ Land Loan ได้ราว 4 พันล้านบาท และปี 2562 จะปรับกลยุทธ์ โดยเสริมผลิต ภัณฑ์ที่เป็นตราสารการเงินที่คุ้มครองเงินต้นและเชื่อมโยงกับผลตอบแทนสูง

“หากดูความต้องการจะพบว่าภูเก็ต เชียงใหม่ และชลบุรี น่าจะมีความต้องการด้าน Land Loan มากกว่า เพราะไม่ว่าจะเป็นหัวเมืองหลักหรือหัวเมืองรองลูกค้านิยมสะสมที่ดิน ประกอบกับไทยมีลักษณะพิเศษในการถือครองที่ดิน ซึ่งแตกต่างจากฮ่องกงที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน”

“ลูกค้าส่วนใหญ่ยังกังวลเรื่อง Wealth ที่มีจะเติบโตอย่างไรและจะส่งต่อให้ลูกหลานอย่างไร เพราะถ้าไม่วางแผนจะไม่สามารถส่งต่อไปยังรุ่น 3 หรือ 4 ได้เราจึงเข้ามาแนะนำแผน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีที่ดินสะสม เราก็มีทางเลือก ทั้งการนำที่ดินปล่อยเช่า ขาย หรือเป็นหลักประกันผ่าน Land Loan ซึ่งเร็วๆ นี้จะเปิดให้บริการใหม่อีก 2 บริการ คือ Trust เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ และ Family Office เป็นผู้จัดการครอบครัว”

[caption id="attachment_347328" align="aligncenter" width="335"] วินเซนต์ แมกนีแนตท์ วินเซนต์ แมกนีแนตท์[/caption]

ด้าน “วินเซนต์ แมกนีแนตท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชียบอกว่า ทิศทางธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง เดิมเป็นธุรกิจที่บริหารเงินและดูแลเงินที่อยู่ในต่างประเทศ  (Offshore Money) เนื่องจากเศรษฐีนำเงินไปฝากและลงทุนในต่างประเทศ แต่ลูกค้ากลุ่มนี้ตลาดเริ่มอิ่มตัว มีผู้ประกอบการบางรายที่แข่งขันไม่ไหว จนต้องปิดตัวลงและออกจากตลาดไป หรือบางรายเกิดการควบรวมธุรกิจทำให้ตลาด Private Banking ที่ดูแลเงินเศรษฐีในต่างประเทศหายไป รวมถึงการกำกับดูแลเรื่องความโปร่งใสของเงิน ทำให้เริ่มเห็นแนวโน้มการเข้ามาดูแลเงินเศรษฐีในประเทศแทน หรือ Onshore Money ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสมหาศาล จะเห็นผู้เล่นในตลาดกลับเข้ามาเล่นในตลาดแต่ละประเทศมากขึ้น ผ่านความร่วมมือ (Partner) และเน้นดูแลลูกค้าแบบระยะยาว เพราะถ้าเน้นทำธุรกิจแบบครั้งคราวหรือรายธุรกรรม(Transaction) จะไม่สามารถอยู่ในตลาดได้

“ข้อดีของลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชีย คือ ไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงไม่ถูกแรงกดดันในเรื่องความสามารถในการทำกำไรหรือรายได้จากผู้ถือหุ้น ทำให้สามารถดูแลลูกค้าและตอบโจทย์ลูกค้าแบบระยะยาว (Long Term) ได้ โดยไม่ต้องนึกถึงแรงกดดันด้าน Make Money”

หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ   ฉบับที่ 3,418 วันที่ 15 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62-7-1-503x62