"เพอร์เฟค-ออริจิ้น" ยังอู้ฟู่! ไตรมาส 4 แบ็กล็อกเพียบ
บิ๊กอสังหาฯ แจ้งตลาดโชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 ยังอู้ฟู่ 'เพอร์เฟค' ขายที่ดิน ช่วยธุรกิจ ขณะ 'ออริจิ้น' ยอดขายไปแล้ว 22,400 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 24,000 ล้านบาท Q4 มีแบ็กล็อกรอโอนเพียบ
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า งบกำไรขาดทุนงวดไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทและบริษัทย่อยกำไรสุทธิ จำนวน 171.8 ล้านบาท (กำไรของบริษัทใหญ่ 170.1ล้านบาท) ในขณะที่ ไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทและบริษัทย่อยกำไรสุทธิ 112.4 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้น 59.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.8%
โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 3 มีรายได้จากการขาย 4,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 633.6 ล้านบาท หรือ 71.1% เมื่อเทียบกับจำนวน 3,699.4 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2560 เนื่องจากการขายบ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 2,137.5 ล้านบาท ลดลง 131.3 ล้านบาท คิดเป็น 5.8% มีรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม 1,331.7 ล้านบาท ลดลง 98.9% แต่บริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินเข้ามา 863.8 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของบริษัทในปีนี้ (ม.ค. - ก.ย. 61) ถือว่าทำออกมาได้ โดยเฉพาะยอดขายของบริษัทที่สามารถรับรู้แบ็กล็อกได้เพิ่มขึ้นถึง 22,496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของเป้ายอดขายใหม่ทั้งปีที่ 24,000 ล้านบาท
[caption id="attachment_346937" align="aligncenter" width="503"]
พีระพงศ์ จรูญเอก[/caption]
"ภาพรวมโครงการใหม่ ๆ ของเราในปีนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะโครงการแฟล็กชิพระดับลักชัวรีอย่าง "พาร์ค ออริจิ้น พญาไท" และ "พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ" โดย "พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ" นั้น แม้ยังไม่ได้เปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการ แต่ก็มียอดขายแล้วถึงราว 65%" นายพีระพงศ์ กล่าว
ขณะที่ ผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 นั้น บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4,035 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 106% และรายได้สะสม 9 เดือน อยู่ที่ 10,693 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันที่ 166% ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาสอยู่ที่ 892 ล้านบาท เติบโตขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22% ในขณะที่ กำไรสุทธิงวด 9 เดือน อยู่ที่ 2,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 148% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22%
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับไตรมาส 4/2561 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะช่วยให้เป้าผลประกอบการทั้งปีเป็นไปได้ตามแผน โดยบริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ได้แก่ บริทาเนีย เมกะทาวน์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และโครงการบริทาเนีย บางนา กม.12 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท สำหรับโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงนี้อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ "นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร" และ "โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105" จากแผนทั้งหมดประกอบกับผลประกอบการที่ทำได้อย่างดีตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งปีได้ตามแผน
"อีกทั้งพันธมิตรสำคัญของเราอย่าง บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เอง ก็ยังคงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ล่าสุด ร่วมทุนให้กับโนมูระเพิ่มเติมในอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ "วัน ออริจิ้น 24" และโครงการ "พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี" ทำให้โดยรวมมีการร่วมทุนทั้งคอนโดฯ และโรงแรม รวม 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีการร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง ราวปีละ 15,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมและธุรกิจโรงแรม" นายพีระพงศ์ กล่าว
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,418 วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2561
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า งบกำไรขาดทุนงวดไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทและบริษัทย่อยกำไรสุทธิ จำนวน 171.8 ล้านบาท (กำไรของบริษัทใหญ่ 170.1ล้านบาท) ในขณะที่ ไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทและบริษัทย่อยกำไรสุทธิ 112.4 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้น 59.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.8%
โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 3 มีรายได้จากการขาย 4,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 633.6 ล้านบาท หรือ 71.1% เมื่อเทียบกับจำนวน 3,699.4 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2560 เนื่องจากการขายบ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 2,137.5 ล้านบาท ลดลง 131.3 ล้านบาท คิดเป็น 5.8% มีรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม 1,331.7 ล้านบาท ลดลง 98.9% แต่บริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินเข้ามา 863.8 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของบริษัทในปีนี้ (ม.ค. - ก.ย. 61) ถือว่าทำออกมาได้ โดยเฉพาะยอดขายของบริษัทที่สามารถรับรู้แบ็กล็อกได้เพิ่มขึ้นถึง 22,496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของเป้ายอดขายใหม่ทั้งปีที่ 24,000 ล้านบาท
[caption id="attachment_346937" align="aligncenter" width="503"]
"ภาพรวมโครงการใหม่ ๆ ของเราในปีนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะโครงการแฟล็กชิพระดับลักชัวรีอย่าง "พาร์ค ออริจิ้น พญาไท" และ "พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ" โดย "พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ" นั้น แม้ยังไม่ได้เปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการ แต่ก็มียอดขายแล้วถึงราว 65%" นายพีระพงศ์ กล่าว
ขณะที่ ผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 นั้น บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4,035 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 106% และรายได้สะสม 9 เดือน อยู่ที่ 10,693 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันที่ 166% ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาสอยู่ที่ 892 ล้านบาท เติบโตขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22% ในขณะที่ กำไรสุทธิงวด 9 เดือน อยู่ที่ 2,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 148% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22%
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับไตรมาส 4/2561 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะช่วยให้เป้าผลประกอบการทั้งปีเป็นไปได้ตามแผน โดยบริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ได้แก่ บริทาเนีย เมกะทาวน์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และโครงการบริทาเนีย บางนา กม.12 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท สำหรับโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงนี้อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ "นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร" และ "โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105" จากแผนทั้งหมดประกอบกับผลประกอบการที่ทำได้อย่างดีตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งปีได้ตามแผน
"อีกทั้งพันธมิตรสำคัญของเราอย่าง บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เอง ก็ยังคงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ล่าสุด ร่วมทุนให้กับโนมูระเพิ่มเติมในอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ "วัน ออริจิ้น 24" และโครงการ "พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี" ทำให้โดยรวมมีการร่วมทุนทั้งคอนโดฯ และโรงแรม รวม 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีการร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง ราวปีละ 15,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมและธุรกิจโรงแรม" นายพีระพงศ์ กล่าว
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,418 วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2561
