ตลาดไวน์คึกรับไฮซีซัน แบรนด์ดังอัดอีเวนต์สนั่น ปั้นคอลเลกชันใหม่

03 พ.ย. 2561 | 11:36 น.
จับตาตลาดไวน์คึกคักแซงหน้าเบียร์ แบรนด์ดังเร่งจัดทัพ “Wine Estates” ส่งเพนโฟลด์ คอลเลกชันใหม่พร้อมจัดเทศกาลไวน์ “Max’s Easy Bar” สร้างการรับรู้ เติมสีสันช่วงเพรสทีจ ฟาก “ซิตี้เท็กซ์” ไม่น้อยหน้าจ่อส่งแบรนด์น้องใหม่ขายผ่านอี-คอมเมิร์ซ ร้านอาหาร

vidang-04

เทศกาลส่งท้ายปีถือว่าเป็นช่วงเพรสทีจของหลายกลุ่มธุรกิจที่จะออกมาสร้างสีสันตลาด โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มักจะได้เห็น “เทศกาลเบียร์การ์เด้น” จากค่ายยักษ์ รองลงมาเป็นกลุ่มวิสกี้ และ เครื่องดื่ม RTD ขณะที่กลุ่มไวน์กลับกลายเป็นกลุ่มที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นมูฟเมนต์มากนัก ส่งผลให้ตลาดไวน์ดูเหมือนจะเป็นแดนสนธยาสำหรับคนทั่วไป เนื่องจากถูกมองว่าเข้าถึงยาก และมีราคาแพง แต่ทว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดไวน์ก็เริ่มคึกคักมากขึ้น ทั้งจากการเข้ามาของผู้ประกอบการหน้าใหม่ ที่ต่างโหมกิจกรรมการตลาดเพื่อหวังแจ้งเกิดแบรนด์ ขณะที่ผู้เล่นรายเก่าต่างก็งัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาสู้ศึก ขณะที่ปีที่ผ่านมาการปรับอัตราภาษีใหม่ที่ส่งผลให้ไวน์พรีเมียมราคาแพงมีราคาถูกลงกว่า 30% ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเพิ่มสีสันให้ตลาดไวน์สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

นายภัทร์ ไทรเล็กทิม ผู้จัดการสินค้า Treasury Wine Estates ประจำประเทศไทย ผู้นำและจัดจำหน่ายไวน์ชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิ PENFOLDS, Wolf Blass, Stellina DI Notte เป็นต้น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การเติบโตในตลาดไวน์เมืองไทย เป็นผลมาจากผู้บริโภคเริ่มสวิตช์การดื่มไปยังเครื่องดื่มเซ็กเมนต์อื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ไวน์ ค็อกเทล หรือคราฟต์เบียร์ แทนที่จะเป็นวิสกี้เหมือนในอดีต ขณะที่อัตราการจัดเก็บภาษีแบบใหม่ก็ส่งผลให้ภาพรวมตลาดไวน์มีการเติบโตที่ดี เนื่องจากส่งผลให้กลุ่มไวน์พรีเมียมบางชนิด จากที่มีราคาตั้งแต่กว่า 8,000 บาท แต่หลังจากมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ราคาไวน์ดังกล่าวเหลือเพียงกว่า 4,000 บาท ซึ่งคิดเป็นราคาเฉลี่ยราคาลดลง 30-40% ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อไวน์ที่มีราคาแพงโดยเฉพาะในกลุ่มสตีล ไวน์ ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กลุ่มไวน์ราคาระดับกลาง-ล่าง นั้นมีราคาขายไม่ต่างจากเดิมมากนัก

ภัทร์ ไทรเล็กทิม ผู้จัดการสินค้า Treasury Wine Estates

 ภัทร์ ไทรเล็กทิม

ด้านแผนงานของบริษัทจากนี้จะเป็นการให้ความสำคัญกับการดิสตริบิวชัน ด้วยการทยอยนำไวน์จาก แบรนด์ในเครือทั้งหมดที่มีจากบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดไทย โดยมองว่าไทยคืออีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพทางการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการกระจายเข้าไปยังช่องทางหลักที่บริษัทจะโฟกัสโดยเรียกว่า 3+1 ได้แก่ โรงแรม โมเดิร์นเทรด เทรดิชันนัลเทรดและอี-คอมเมิร์ซต่อไป

“สำหรับ “Max’s Easy Bar” ของเรา เบื้องต้นเป็นการนำร่อง 1 แห่งก่อนที่จะรอดูการตอบรับของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแน่นอนว่าหากได้รับการตอบรับที่ดีแน่นอนว่าปีหน้าจะมีการจัดเพิ่มอย่างแน่นอน”

MP36-3415-A

 

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดงานเปิดตัวไวน์แบรนด์ “เพนโฟลด์” (PENFOLDS) คอลเลกชันใหม่กว่า ที่ปกติจะมีการจัดงานประจำปีหลักๆในภูมิภาคเอเชียอยู่ที่จีน ญี่ปุ่น หรือเอเชียเหนือ ขณะที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปกติจะจัดที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งปีนี้นับเป็นปีแรกที่มีการจัดงานที่ประเทศไทย เนื่องจากบริษัทแม่มองว่าไทยถือเป็นประเทศที่ตลาดไวน์มีการเติบโตดีที่สุดอีกหนึ่งประเทศ ควบคู่กับการจัดเทศกาลไวน์ “Max’s Easy Bar” ขณะที่ในปีหน้าบริษัทได้เตรียมนำเข้าไวน์อีกหลายร้อยรายการ จากปีนี้ที่มีการนำเข้าไวน์เข้ามาทำตลาดในไทย 9 แบรนด์ กว่า 100 รายการ

อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 30-50% ทั้งนี้เป็นผลจากการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนดิสตริบิวเตอร์รายใหม่ที่มีความแข็งแกร่งขึ้น บวกกับคนไทยเริ่มหันมาให้ความนิยมไวน์มากขึ้น โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายที่มาจากช่องทางโมเดิร์นเทรด คอนวีเนียนสโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต 60% และตลาดโฮเรกา ร้านอาหาร 20-30% และส่วนที่เหลือจะเป็นตลาดร้านค้าทั่วไป ขณะที่ตลาดอี-คอมเมิร์ซอยู่ในช่วงของการวางแผนงาน เพื่อวางจำหน่ายในแต่ละช่องทาง

vidang-03

 

ด้านนายสิทธิศักดิ์ ฉัตราอมรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิตี้เท็กซ์ กรุ๊ป บริษัทผู้นำเข้าและส่งออกสินค้าจากต่างประเทศ อาทิ ไวน์ผลไม้ กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการนำเข้าไวน์กลุ่มใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจากับแบรนด์ไวน์ราว 2-3 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ทั้งการนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ และเพิ่มวาไรตีให้กับสินค้าเดิม ผ่านแผนงานของบริษัทนับจากนี้คือยังคงเน้นการทำงานแบบแบรนด์เดียว กล่าวคือการจะนำเข้าไวน์จากแต่ละกลุ่มประเทศจะเลือกจับมือกับบริษัทเดียวเท่านั้น ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างพอร์ตที่แตกต่างและโฟกัสกลุ่มเป้าหมายได้ดี

นอกจากในปีหน้าบริษัทยัง มีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายไวน์ของบริษัทไปยังช่องทางออนไลน์ ผ่าน Wine Now ควบคู่กับการพัฒนา ช่องทางการขายแบบไดเร็กต์เซลมากขึ้น เนื่องจากต้องการเพิ่มสัด ส่วนยอดขายจากช่องทางดังกล่าว เบื้องต้นอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันภายในทีมเพื่อหาจุดที่ดีที่สุด โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้า ก่อนจะขยายเข้าช่องทางร้านอาหารเพิ่มเติมมากขึ้น เนื่องจากช่องทางดังกล่าวถือเป็นช่องทางที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันที่บริษัทมีช่องทาง การจำหน่ายรีเทล ยี่ปั๊ว เป็นหลัก

“ปีนี้ทางบริษัทมีแผนจับมือกับพาร์ตเนอร์ในการจัดงานช่วงโค้งท้ายอย่างแน่นอน เบื้องต้น อยู่ระหว่างการพิจารณาแผนงาน”

ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตสำหรับกลุ่มธุรกิจไวน์ในช่วงสิ้นปีนี้ไว้ที่ 20-30% มาโดยตลอด ซึ่งแนวโน้มในตลาดไวน์เมืองไทยยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากเทรนด์ที่รุ่นใหม่คนหันมาดื่มมากขึ้น ขณะที่ไวน์ระดับราคา 400-500 บาท ถือเป็นปัจจัยหลักในการไดรฟ์ยอดขายให้แก่บริษัท โดยบริษัทมียอดขายจากไวน์ระดับราคาดังกล่าวมากกว่า 50%

หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,415 ระหว่างวันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว