มิตรผลผนึกองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกซื้อขายคาร์บอนเครดิต

29 ต.ค. 2561 | 11:43 น.
มิตรผลผนึกองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกซื้อขายคาร์บอนเครดิต

นางประเสริฐสุข จามรมาน ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เผยว่าเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกขณะ ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบในแง่ของฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และฝนตกนอกฤดูกาล เป็นต้น ในฐานะสมาชิกรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพิธีสารเกียวโต จึงตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ในฐานะองค์กรที่สนับสนุนและส่งเสริมการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแก่ภาคส่วนต่างๆ

mit1

จึงได้พัฒนาโครงการ “ลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย” (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศโดยความสมัครใจ โดยสามารถนำปริมาณการลด/ดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง ที่เรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” ซึ่งภายใต้โครงการ T-VER นี้เรียกว่า “TVERs” ไปขายในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจภายในประเทศได้ ทั้งนี้ อบก. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการพัฒนาโครงการ ระเบียบวิธีการในการลดก๊าซเรือนกระจก (Methodology) การขึ้นทะเบียนและการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก

นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล ผู้ขายคาร์บอนเครดิตรายใหญ่ของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นในการพัฒนาต่อยอดคุณค่าจากอ้อย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในทุกกระบวนการผลิตด้วยแนวคิด Value Creation เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การต่อยอดสู่ธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า เอทานอล วัสดุทดแทนไม้ และ Bio-Based ซึ่งการดำเนินธุรกิจทั้งหมดนั้นล้วนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเสมอมา กลุ่มมิตรผลจึงมุ่งมั่นสู่การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองรวม 489,217 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งได้มาจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ของโรงไฟฟ้ามิตรผล ไบโอเพาเวอร์ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

mit

"ทั้งยังคงเดินหน้าขยายการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง ผมขอขอบคุณพันธมิตรที่ร่วมกันทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอนเครดิตและแสดงพลังความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันในวันนี้ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพฯ, บริษัท สแครทซ์ เฟิร์สท์ จำกัด (Wonderfruit) , ธนาคารแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดีที่เราได้เห็นความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วนในการสานพลังเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20-25 ภายในปี 2573 เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย"

ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ตัวแทนภาคเอกชนที่ร่วมลงนามซื้อขายคาร์บอนเครดิตของกลุ่มมิตรผลและเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรที่ไม่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Neutral) กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยในฐานะหน่วยงานในภาคการเงินการธนาคาร ที่ให้ความสำคัญต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีแนวทางการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนที่ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากการทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอนเป็นศูนย์ด้วยการสนับสนุนคาร์บอนเครดิตจาก บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ จำกัด (ด่านช้าง) บล็อค (2) ซึ่งถือว่าเป็นความร่วมมือกันเพื่อผลักดันไปสู่สังคมเศรษฐกิจ คาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) และการเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว ยังพร้อมที่จะเป็นกลไกทางการเงิน เพื่อผลักดันให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมตระหนักถึงผลกระทบของปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการสนับสนุนทางการเงินเพื่อส่งเสริมการใช้ พลังงานทดแทน และสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

595959859