ปตท.สผ. เผย กำไรสุทธิไตรมาส 3 ได้ตามเป้า สถานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าขยายลงทุนต่อเนื่อง

25 ต.ค. 2561 | 07:22 น.
ปตท.สผ. เผย กำไรสุทธิไตรมาส 3 เป็นไปตามเป้า ยัน! สถานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุน เติบโตอย่างต่อเนื่อง

รายงานข่าวจาก บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 เป็นไปตามเป้าหมาย มีกำไรสุทธิที่ 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 10,401 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนในแหล่งบงกชในไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมเร่งพัฒนาโครงการ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และตั้งเป้าลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ทั้งนี้ ผลประกอบการของ ปตท.สผ. ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Recurring Net Income) อยู่ที่ 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า9,664 ล้านบาท) จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงเป็น 47.67 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบจาก 38.78 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ประกอบกับปริมาณการขายเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 304,940 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 298,139 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-Recurring Items) รวม 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 737 ล้านบาท) ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ (Net Income) 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 10,401 ล้านบาท) จากขาดทุนสุทธิจำนวน 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 8,682 ล้านบาท) ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนนั้น ปตท.สผ. มีรายได้รวม 3,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 127,434 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จาก 3,252 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 111,430 ล้านบาท) เทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนหน้า ซึ่งมีแรงสนับสนุนหลักมากจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น โดยมีกำไรสุทธิรวม 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 27,372 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีกำไร 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 11,138 ล้านบาท) เนื่องจากมีการรับรู้รายการด้อยค่าสินทรัพย์


ปตทซสผ.2

ในส่วนของสถานะการเงิน สำหรับ 9 เดือน ปตท.สผ. สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ถึง 2,264 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 72,695  ล้านบาท) โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดถึง 3,804 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เทียบเท่า 123,273 ล้านบาท) ในขณะที่ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.17 เท่า จึงทำให้ ปตท.สผ. มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมรองรับแผนการลงทุนตามแผนงาน รวมถึงรองรับค่าใช้จ่ายเพื่อเร่งพัฒนาโครงการต่าง ๆ การเข้าซื้อกิจการ (M&A) และต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการดำเนินแผนกลยุทธ์ในการเน้นการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์และมีความเสี่ยงต่ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนผ่านความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกช ซึ่งเป็นโครงการหลักของ ปตท.สผ. ส่งผลให้ปริมาณการขายและกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นทันที และเรายังคงมุ่งมั่นในการมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการ และขยายการลงทุนในแหล่งสำรวจปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูง ทั้งในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง รวมทั้งปรับตัวเพื่อรับมือกับภาพธุรกิจพลังงานที่มีความท้าทายทางธุรกิจ ด้วยแนวทาง Transformation เพื่อให้องค์กรมีความพร้อมและเดินหน้าต่อยอดการลงทุน เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ E&P ที่มีตลาดรองรับ เช่น Gas to Power ในขณะเดียวกัน ก็ศึกษาโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น เทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ และพลังงานทางเลือก"

สำหรับการประมูลแหล่งสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณนั้น ปตท.สผ. ได้ยื่นประมูลเองในแหล่งบงกช ส่วนแหล่งเอราวัณ ปตท.สผ. ได้เข้าร่วมประมูลกับ บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ลงทุนในแหล่งสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย จึงมีความเข้าใจพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างดี โดย ปตท.สผ. มีความพร้อมในการเป็นผู้ดำเนินการในทั้งสองแหล่ง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการประมูลในสิ้นปีนี้

 

[caption id="attachment_337588" align="aligncenter" width="356"] นายพงศธร ทวีสิน นายพงศธร ทวีสิน[/caption]

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เร่งรัดการพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญตามแผนกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ที่มีความคืบหน้าอย่างมาก ทั้งในการเตรียมการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบกและการสรุปสัญญาซื้อขายระยะยาว (Sales and Purchase Agreement : SPA) กับผู้ซื้อรายต่าง ๆ เพื่อผลักดันการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision : FID) ตามเป้าหมายภายในครึ่งแรกของปี 2562 โดยผู้ร่วมทุนในโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ได้มีการลงนามเพิ่มในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวกับ บริษัท โทโฮกุ อิเล็กทริก พาวเวอร์ (Tohoku Electric Power) ในปริมาณ 280,000 ตันต่อปี นอกเหนือจากที่มีการลงนามกับ บริษัท เอเล็กทริซิเต้ เดอ ฟรองซ์ (Électricité  de France, S.A.) หรือ EDF ในปริมาณ 1,200,000 ตันต่อปี โดยทั้งนี้คาดว่า โครงการจะสามารถเริ่มการผลิตได้ภายในปี 2566


595959859