"สวน สอง แสน" รุกธุรกิจไอศกรีม! เล็งสร้างแฟรนไชส์คลุมฐานลูกค้า
แบรนด์ "สวน สอง แสน" ต่อยอดธุรกิจสู่ไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ เล็งสร้างเป็นแฟรนไชส์ 1 อำเภอ 1 สาขา ใน จ.สระแก้ว ก่อนเพิ่มช่องทางการทำตลาด ชูจุดเด่นสารอาหารจากวัตถุดิบคุณภาพ หวังสร้างรายได้ 5 แสนบาท
นายสมพร เรืองเตย เจ้าของธุรกิจผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ แบรนด์ "สวน สอง แสน" (Suan Song Saen) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการต่อยอดธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับจมูกข้าวไรซ์เบอรรี่ไปสู่การแปรรูปเป็นไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อเพิ่มจำนวนรายได้และขยายฐานลูกค้าครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปที่กลุ่มของเด็ก หรือ ผู้บริโภคทั่วไป ทุกเพศ ทุกวัย ที่ยังไม่นิยมดื่มเครื่องดื่มประเภทที่มีจมูกข้าวเป็นวัตถุดิบ เนื่องจากเดิมทีผลิตภัณฑ์ผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่จะมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป และเป็นกลุ่มที่รักสุขภาพ
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น จะดำเนินการในรูปแบบของการทำเป็นแฟรนไชส์ เนื่องจากในช่วงที่แบรนด์ทดลองทำผลิตภัณฑ์ไอศกรีมออกมา และใช้กลยุทธ์ด้วยการออกงานแสดงสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้มีร้านค้าและผู้จำหน่ายทั่วไปต้องการนำไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ไปจำหน่ายต่อเป็นจำนวนมาก เบื้องต้น จะเริ่มที่ จ.สระแก้ว เป็นอันดับแรก ซึ่งตั้งเป้าจะให้มีอำเภอละ 1 สาขา โดยขั้นตอนล่าสุด กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมในระยะต่อไป
"แบรนด์มองหาวิธีที่จะทำให้กลุ่มเด็กได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและได้รับสารอาหาร ประกอบกับที่ตนเองก็เป็นคนที่ชอบรับประทานไอศกรีม จึงได้ทดลองทำผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยมีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สารอาหารจากจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังอยู่ครบถ้วน จนสามารถปรับสูตรที่เป็นของแบรนด์เพื่อจำหน่ายได้ในที่สุด"
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์มองว่า อยู่ที่ความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้เชื่อว่า นี่คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่มาจากขั้นตอนการผลิตด้วยตนเองมากกว่าและสารอาหารที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ เพราะคุณสมบัติของข้าวไรซ์
เบอร์รี่ก็จะไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการรายใดจะสามารถคิดค้นวิธีการแปรรูปให้ออกมาตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้มากที่สุด โดยไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ของแบรนด์ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียังไม่มีจำหน่ายในตลาดด้วย ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายที่โครงการมูลนิธิชัยพัฒนา ควายคะนอง โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ จ.สระแก้ว
นายสมพร กล่าวต่อไปอีว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ของแบรนด์ จะมุ่งเน้นการจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ผ่านทางไลน์และเฟซบุ๊ก โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้จักและตามเข้ามาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากการที่แบรนด์ได้ไปออกงานแสดงสินค้าร่วมกับหน่วยงานของราชการและองค์กรเอกชนตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง เพื่อสร้างแบรนด์และแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จัก โดยปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "สวน สอง แสน" ประกอบด้วย ผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่, ชาจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่, ข้าวสารไรซ์เบอร์รี่ และไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่
"จากกลยุทธ์ในการทำตลาด เชื่อว่าจะทำให้แบรนด์มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาทในปีนี้ และจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตลาดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของแบรนด์ในอนาคต โดยตัวเลขรายได้อาจจะดูน้อย เนื่องจากเป้าหมายที่สำคัญของแบรนด์ ก็คือ การให้อะไรกับชุมชนรอบด้านมากกว่า"
ด้านการทำตลาดต่างประเทศนั้น ปัจจุบัน ได้พยายามรวมกลุ่มของเกษตรกรที่ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อรวบรวมวัตถุดิบที่มีคุณภาพเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับรองรับการทำตลาด เนื่องจากที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาเรื่องของวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอ โดยมีลูกค้าจากต่างประเทศสนใจผลิตภัณฑ์ แต่แบรนด์ไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งตามออร์เดอร์ได้
หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3412 วันที่ 25-27 ตุลาคม 2561
นายสมพร เรืองเตย เจ้าของธุรกิจผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ แบรนด์ "สวน สอง แสน" (Suan Song Saen) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการต่อยอดธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับจมูกข้าวไรซ์เบอรรี่ไปสู่การแปรรูปเป็นไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อเพิ่มจำนวนรายได้และขยายฐานลูกค้าครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปที่กลุ่มของเด็ก หรือ ผู้บริโภคทั่วไป ทุกเพศ ทุกวัย ที่ยังไม่นิยมดื่มเครื่องดื่มประเภทที่มีจมูกข้าวเป็นวัตถุดิบ เนื่องจากเดิมทีผลิตภัณฑ์ผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่จะมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป และเป็นกลุ่มที่รักสุขภาพ
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น จะดำเนินการในรูปแบบของการทำเป็นแฟรนไชส์ เนื่องจากในช่วงที่แบรนด์ทดลองทำผลิตภัณฑ์ไอศกรีมออกมา และใช้กลยุทธ์ด้วยการออกงานแสดงสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้มีร้านค้าและผู้จำหน่ายทั่วไปต้องการนำไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ไปจำหน่ายต่อเป็นจำนวนมาก เบื้องต้น จะเริ่มที่ จ.สระแก้ว เป็นอันดับแรก ซึ่งตั้งเป้าจะให้มีอำเภอละ 1 สาขา โดยขั้นตอนล่าสุด กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมในระยะต่อไป
"แบรนด์มองหาวิธีที่จะทำให้กลุ่มเด็กได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและได้รับสารอาหาร ประกอบกับที่ตนเองก็เป็นคนที่ชอบรับประทานไอศกรีม จึงได้ทดลองทำผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยมีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สารอาหารจากจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังอยู่ครบถ้วน จนสามารถปรับสูตรที่เป็นของแบรนด์เพื่อจำหน่ายได้ในที่สุด"
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์มองว่า อยู่ที่ความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้เชื่อว่า นี่คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่มาจากขั้นตอนการผลิตด้วยตนเองมากกว่าและสารอาหารที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ เพราะคุณสมบัติของข้าวไรซ์
เบอร์รี่ก็จะไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการรายใดจะสามารถคิดค้นวิธีการแปรรูปให้ออกมาตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้มากที่สุด โดยไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ของแบรนด์ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียังไม่มีจำหน่ายในตลาดด้วย ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายที่โครงการมูลนิธิชัยพัฒนา ควายคะนอง โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ จ.สระแก้ว
นายสมพร กล่าวต่อไปอีว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ของแบรนด์ จะมุ่งเน้นการจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ผ่านทางไลน์และเฟซบุ๊ก โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้จักและตามเข้ามาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากการที่แบรนด์ได้ไปออกงานแสดงสินค้าร่วมกับหน่วยงานของราชการและองค์กรเอกชนตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง เพื่อสร้างแบรนด์และแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จัก โดยปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "สวน สอง แสน" ประกอบด้วย ผงชงดื่มจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่, ชาจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่, ข้าวสารไรซ์เบอร์รี่ และไอศกรีมจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่
"จากกลยุทธ์ในการทำตลาด เชื่อว่าจะทำให้แบรนด์มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาทในปีนี้ และจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตลาดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของแบรนด์ในอนาคต โดยตัวเลขรายได้อาจจะดูน้อย เนื่องจากเป้าหมายที่สำคัญของแบรนด์ ก็คือ การให้อะไรกับชุมชนรอบด้านมากกว่า"
ด้านการทำตลาดต่างประเทศนั้น ปัจจุบัน ได้พยายามรวมกลุ่มของเกษตรกรที่ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อรวบรวมวัตถุดิบที่มีคุณภาพเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับรองรับการทำตลาด เนื่องจากที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาเรื่องของวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอ โดยมีลูกค้าจากต่างประเทศสนใจผลิตภัณฑ์ แต่แบรนด์ไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งตามออร์เดอร์ได้
หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3412 วันที่ 25-27 ตุลาคม 2561
