‘ดีไซน์-คุณภาพ’ ดันแสนสิริอันดับ 1 ตลาดคอนโดมิเนียม

02 มี.ค. 2559 | 07:00 น.
ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ "แสนสิริ" จัดเป็นบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงแง่ดีไซน์และคุณภาพระดับไฮเอนด์ โดยธุรกิจคอนโดมิเนียมติดอันดับผู้นำตลาด และในปี 2558 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมหรู 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งประสบความสำเร็จขายหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังสร้างปรากฎการณ์ใหม่ขายหมดในวันเดียวกับโครงการเดอะไลน์ จตุจักร ทำให้ยอดรายได้ทั้งปีกลุ่มคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ยอดขาย 1.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของแสนสิรินั้น ยอดรายได้ปี 2558 จะมีประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขาย 2.8 หมื่นล้านบาท ฉะนั้นถือว่าสัดส่วนคอนโดมิเนียมค่อนข้างมาก และยังยอดแบ็คล็อคจากการขาย 4 โครงการ มี 3.8 หมื่นล้านบาท

[caption id="attachment_34819" align="aligncenter" width="345"] อุทัย อุทัยแสงสุข  รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาคอนโดมิเนียม  บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อุทัย อุทัยแสงสุข
รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาคอนโดมิเนียม
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)[/caption]

ซึ่ง อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ความสำเร็จและพัฒนาการตลาดคอนโดมิเนียมของแสนสิริ

 จุดเริ่มจากคอนโดฯ ตากอากาศ

สมัยแรกแสนสิริเริ่มจากพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศระดับไฮเอนด์ คือบ้านไข่มุก ที่หัวหิน ซึ่งเมื่อสมัยก่อนประมาณ 20 ปี คอนโดมิเนียมถือเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเศรษฐี โดยโครงการบ้านไข่มุก ขายตารางเมตรละ 6 หมื่นบาท สูงกว่าคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 5-6 หมื่นบาท ก็เพราะคนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่ยังนิยมอยู่บ้าน ทำให้คอนโดมิเนียมถือเป็นสินค้าพรีเมี่ยม ราคาแพง

หลังประสบความสำเร็จจากบ้านไข่มุก ก็ขยับมารุกตลาดในกรุงเทพฯ เช่าที่ของพระคลังข้างที่ ซอยมหาดเล็กหลวง 1 ทำโครงการบ้านแสนสิริ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อเช่ายาว 30 ปี สมัยนั้นลูกค้ายังรับลีสโฮลด์ได้ แต่สิ่งที่ยากคือคนมองคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังที่ 2 ดังนั้น ขนาดพื้นที่ห้องค่อนข้างใหญ่ ซึ่งบ้านแสนสิริ ขนาด 200 กว่าตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีอีก 3-4 โครงการ จากจุดนั้นทำให้แสนสิริทำโครงการระดับไฮเอนด์เรื่อยมา

 เน้นจุดแข็งดีไซน์ –ฟังก์ชั่น-คุณภาพ

ต่อมา เกิดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯโดย บีทีเอส เป็นสายแรก หลังจากนั้นตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มเปลี่ยน หลังจากผ่านพ้นวิกฤติได้สักพัก เมืองก็เริ่มเดินหน้าต่อ เศรษฐกิจก็ดีตามมา ปัญหาที่ตามมาคือคนอาศัยอยู่ในเมืองประสบภาวะรถติดมาก คนที่อยู่อาศัยนอกเมืองใช้เวลาเดินทางเข้ากรุงเทพฯประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันบางคนใช้เวลาเดินทางไปกลับ วันละ 3 ชั่วโมง คนเริ่มมองว่าเวลามีความสำคัญเพิ่มขึ้น จากการที่กรุงเทพมีปัญหารถติดมากขึ้นๆ แต่เนื่องจากรถไฟฟ้ามีเฉพาะในเมือง ฉะนั้นคอนโด จึงเกิดขึ้นตามรถไฟฟ้า บีทีเอส ทำให้เกิดคอนโดมิเนียม และทำให้คนรับรู้ว่าการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังแรก แต่นั้นมาตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าจะมีคอนโดเรียงราย

สมัยก่อนคนที่เรียนจบและเพิ่งทำงาน สิ่งที่ใฝ่ฝันคือ อยากได้รถยนต์ เป็นสิ่งแรก แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มองคอนโดมิเนียม ติดรถไฟฟ้า แยกตัวจากพ่อแม่ ฉะนั้นคอนโดมิเนียม ขนาด 1 ห้องนอน 50 ตารางเมตร จะเป็นที่นิยม แต่หลังจากตลาดมีการเติบโต ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้น ขนาดห้องคอนโดมิเนียมก็เล็กลงเหลือ 30 ตารางเมตร ขณะนี้กำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกระดับหนึ่ง คนเริ่มมีความรู้สึกว่าพื้นที่ส่วนกลางต้องดี จะเห็นว่าโครงการหลังๆ ของแสนสิริจะให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้น โดยออกแบบล้อบบี้โครงการให้สามารถรับแขกได้ มีสระว่ายน้ำดีๆ ห้องฟิตเนสออกกำลังกาย ที่เป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และยังมีห้องสัมมนา ห้องประชุม ห้องไลบราลี่ เพิ่มเข้ามา ทำให้คนรู้สึกว่าถึงแม้จะซื้อห้องเล็กก็ตาม แต่ก็ยังพื้นที่ที่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับคนทั่วไป

แต่อีกมุมหนึ่ง คนที่ซื้อ 1 ห้องนอน และอยู่คนเดียว พอแต่งงานมีครอบครัว มีลูก 1 ห้องนอนไม่พอแล้ว คนบางคนย้ายไปซื้อบ้านเดี่ยว แต่ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองค่อนข้างมาก จึงเริ่มมองคอนโดที่มี 2 ห้องนอน หรือ 3 ห้องนอน จึงเริ่มมีซัพพลายเพื่อตอบสนอง

กับอีกตลาดหนึ่งที่น่าสนใจ คือตลาดผู้สูงอายุ ที่ลูกหลานโตแล้ว บ้านที่เคยซื้อไม่ไกลจากเมือง แต่ปัญหาคือบ้าน 200 ตารางวา พื้นที่ 400 ตารางเมตร เพราะลูกหลายคน เมื่อลูกเติบโตเรียนจบมีงานทำก็แยกย้ายออกไปอยู่ในเมือง เหลือแต่พ่อแม่กับคนใช้ จึงเริ่มมีแนวคิดว่าจะย้ายมาอยู่คอนโดในเมือง มีคนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถโทรได้ อาหารการกินสะดวก และมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ ซึ่ง แสนสิริให้ความสนใจตลาดกลุ่มรีไทร์เม้น โฮม เพราะคอนโดมิเนียมเป็นไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยที่สร้างความสะดวกสบายให้คนอยู่อาศัยทุกวัย ทั้งการเดินทาง และคลวามปลอดภัย มี รปภ.ตลอด 24 ชั่วโมง เทื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็มีนิติบุคคลคอยให้บริการตลอดเวลา

 สไตล์คอนโดของแสนสิริ

รวมๆให้ความสำคัญกับดีไซน์ เน้น ฟังก์ชั่น สิ่งสำคัญที่คอนโดต้องมีก็ต้องมี เช่น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ลิฟท์โดยสารที่มีความเร็วเหมาะสม ต้องมาก่อน ถึงจะตามมาด้วยฟอร์มที่สวยงาม การเลือกวัสดุใหม่ๆ ที่ลูกค้าเห็นแล้วต้องประทับใจ เพราะเราขายของพรีเมี่ยม ฉะนั้นคุณภาพต้องดีกว่าคู่แข่ง แต่ยอมรับว่าไม่ใช่ว่าทุกโครงการของเราจะเพอร์เฟค บางโครงการมีปัญหาก็ยอมรับ ไม่หนีปัญหา อยู่ในสายเลือดของทีมแสนสิริ

นอกจากนี้ แสนสิริ ยังเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร ทั้งขายและบริการหลังการขาย โดยเราพยายามให้บริการที่ครอบคลุมทั้งหมด ที่สำคัญมีบริษัทที่บริหารโครงการทำให้คอนโดมิเนียมของเราไม่ทรุดโทรม หรือลูกค้าที่ซื้อโครงการของเราแล้ว ถ้าต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยไปที่ใหม่ ก็มีโบรคเกอร์มาให้บริการ หรือจะฝากขาย หรือจะปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ก็มีบริการครบ

 การบริหารแบรนด์คอนโด

เมื่อก่อนทำคอนโด 1 โครงการ ใช้ 1 ชื่อ สร้างความสับสนให้กับลูกค้า บางลูกค้าคิดว่าเราไม่ได้ทำโครงการ จึงกลับมานั่งคิดว่าใช้ชื่อมาก ไม่เกิดแบรนด์ในสินค้า แต่ปัจจุบันจะบริหารจัดการใหม่รวบเหลือเพียงแบรนด์หลักๆ 6 แบรนด์ เช่น เดอะ ไลน์ เดอะ เบส และ ดีคอนโด เป็นต้น ทั้งนี้ แม้จะเป็นแบรนด์เดียวกัน แต่คนละทำเลก็จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกัน

สำหรับแผนในปีนี้บริษัทวางแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 11 โครงการ มูลค่า 35,100 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายรวมสำหรับคอนโดมิเนียมในปี 2559 ไว้ประมาณ 28,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 58 ซึ่งมียอดขาย 17,510 ล้านบาทประมาณ 65% รวมทั้งประมาณการณ์รายได้รวมคอนโดมิเนียมไว้ที่ 20,000 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,135
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2559