“สัมมากร”มั่นใจตลาดโตเปิด3โครงการใหม่

24 ก.พ. 2559 | 10:15 น.
สัมมากร เผยยอดรับรู้รายได้ปี 58 ประมาณ 1,500 ล้านบาท หรือโต 31% และมีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท สวนกระแสเศรษฐกิจ ผลจากเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเอสเก้าพร้อมโอนในปลายปีที่ผ่านมา มั่นใจตลาดอสังหาฯ ปี 59 ปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจ วางแผนปีนี้ปิดโครงการเดิมรวม 80 ยูนิต มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมเอสเก้า อีก 800 ล้านบาท พร้อมเปิด 3 โครงการใหม่ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ  รังสิต-คลอง7 และรามอินทรา-วงแหวน รวมมูลค่ากว่า 1,930 ล้านบาท

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการปี 2558 ว่า บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้ปี 2558 รวม 1,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2557 ประมาณ 31% โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากอสังหาริมทรัพย์แนวราบ 900 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์แนวดิ่ง 350 ล้านบาท และอื่นๆ เช่น ค่าเช่า 250 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว และท่ามกลางปัจจัยลบตลอดปี 2558 ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จปัจจัยหลักมาจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม เอสเก้า ที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา กอปรกับนโยบายการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและจำนองอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจอีกทางหนึ่ง

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 มีแนวโน้มตลาดเติบโตดีขึ้นกว่าปี 2558 ตามทิศทางของเศรษฐกิจ จากคาดการณ์การเติบโตของ GDP ประมาณ 3.7% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตปี 2558 ที่ขยายตัวเพียง 2.8-3.0% ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การตัดสินใจใช้จ่ายและซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้ นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐด้านระบบสาธารณูปโภคยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มการลงทุนของภาครัฐอีกหลายโครงการในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะการสร้างขยายเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งล้วนแล้วเป็นผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในแง่เพิ่มศักยภาพพื้นที่นอกเมือง

“ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลปี 2558 มีมูลค่า 484,115 ล้านบาท และมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญของจำนวนทาวน์เฮ้าส์ ที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเพียง 30% แต่กลับมียอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นในปี 2558 เป็น 35% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีฟังก์ชันเหมือนบ้านเดี่ยวในราคาที่ประหยัดขึ้น ดังนั้น ในปีนี้ คาดการณ์ว่ากลุ่มทาวน์เฮ้าส์ จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มกำลังซื้อ 2-4 ล้านบาท ในขณะที่บ้านเดียวจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ในช่วงราคา 6-7 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนคอนโดมิเนียมคาดว่ามีการเติบโตต่ำ มาจากกลุ่มนักลงทุนชะลอการลงทุนในคอนโดมิเนียม กอปรกับสถานการณ์ โอเวอร์ซัพพลายของตลาดคอนโดมิเนียมในบางพื้นที่”

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2559 นี้ จะเร่งระบายสต็อกบ้านโครงการเดิมที่ยังเหลืออยู่ไม่มาก ประมาณ 110 ยูนิต หรือมูลค่า 680 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม เอสเก้า อีก 800 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการในปีนี้ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท  โครงการบ้านเดี่ยวรังสิต คลอง7 มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา-วงแหวน มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการเดิมและโครงการใหม่ที่จะมีการสร้างเสร็จพร้อมโอนในปี 2559 ประมาณ 2,100 ล้านบาท ในส่วนของศูนย์การค้าชุมชน เพียว เพลส ที่ปัจจุบัน มีจำนวน 3 ศูนย์ ได้แก่ สาขารามคำแหง110  สาขารังสิต คลอง2 และสาขาราชพฤกษ์ ทางบริษัทฯ จะดูแลพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เป็นศูนย์การค้าของชุมชน ให้ความสะดวกสบายกับลูกบ้านสัมมากร และประชาชนในละแวกใกล้เคียง ตามนโยบายการดำเนินงานที่ว่า “เราไม่เพียงสร้างบ้าน แต่เราสร้างสังคม”

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการภายในบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ อันรวดเร็วในอนาคต และเพื่อตอกย้ำคุณภาพมาตรฐานที่ผู้บริโภควางใจได้ในแบรนด์สัมมากร โดยการใช้ระบบการบริหารงาน Enterprise Resource Planning:ERP อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การสื่อสารวิเคราะห์ข้อมูลรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำยิ่งขึ้น และปรับปรุงระบบก่อสร้างเป็นระบบ PreFab ระบบก่อสร้างงานสำเร็จรูป เพื่อช่วยลดเวลาในการก่อสร้าง อีกทั้งสามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปรับปรุงภาพลักษณ์องค์กรให้ดูทันมัยขึ้น ผ่านรูปแบบการสื่อสารทุกช่องทางและมุ่งสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง