เอลนิโญ่กระทบชาวนา 3 ฤดูกาลผลิตข้าว

23 ก.พ. 2559 | 06:20 น.
ข้าวนาปรังศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics  ระบุภัยแล้งต่อเนื่องข้ามปี กระทบ 3 ฤดูกาลผลิตข้าว ภาคเหนือและภาคกลางเสียหายกว่าพื้นที่อื่นๆ แนะส่งเสริมปลูกพืชอื่นแก้แล้งได้ประโยชน์ในระยะยาว

ปรากฏการณ์เอลนิโญ่ยังส่งผลกระทบกับปริมาณฝนในไทย ตั้งแต่ปี 2557 และเห็นผลกระทบอย่างชัดเจนในปี 2558 ในช่วงฤดูฝนทำให้ชาวนาต้องเลื่อนการปลูกข้าวนาปีออกไปและไม่สามารถปลูกข้าวได้ในอีกหลายพื้นที่และปรากฎการนี้ยัง ส่งผลต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าไทยได้รับผลกระทบจากภัยแล้งยาวนานต่อเนื่องถึง 3 ปี

ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ เกษตรกรชาวนา เนื่องจากภัยแล้งติดต่อกันกระทบผลผลิตข้าวลดลงแล้ว 3 ฤดูกาล คือ ข้าวนาปรัง 2557/58 ข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 และ ข้าวนาปรัง 2558/59 โดยประเมินว่าผลผลิตลดลงรวม 10.02 ล้านตัน คิด เป็นมูลค่า 84,228 หมื่นล้านบาท ซึ่งความเสียหายกว่าร้อยละ 50 เกิดกับผลผลิตข้าวนาปรังปี 2558/59(พฤศจิกายน 2558 -มีนาคม 2559)

ปริมาณฝนที่ลดลงต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งอยู่ในภาคเหนือตอนล่างและเป็น แหล่งน้ำสำคัญสำหรับพื้นที่เพาะปลูกในภาคกลางมีปริมาณน้ำที่สามารถใช้การได้รวมเหลือเพียง 2,425 ล้าน ลบ.ม. ลดลงจาก ระดับ 4,810 ลบ.ม. ณ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงร้อยละ 50.4 จึงถือได้ว่าปี 2559 เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือและ ภาคกลางได้รับผลกระทบจากภัยแล้งรุนแรงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

TMB Analytics คาดว่า พื้นที่ปลูกข้าวในเขตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ภาคเหนือและภาคกลาง ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือซี่งปลูกข้าวนาปีและอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก โดยภาคเหนือมีปริมาณผลผลิตข้าวลดลงมากที่สุด 4.5 ล้าน ตัน มูลค่า 3.69 หมื่นล้านบาท จังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูงได้แก่ นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก ภาคกลางได้รับผลกระทบมาเป็น อันดับสอง คือผลผลิตข้าวลดลง 4.0 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 3.19 ล้านบาท จังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูง คือ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และชัยนาท เป็นต้น

ปริมาณข้าวที่ลดลง มูลค่า 8.4 หมื่นล้านบาท คือ เม็ดเงินที่หายจากระบบเศรษฐกิจของภูมิภาค ดังนั้น เศรษฐกิจใน พื้นที่ดังกล่าวจึงได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เพราะเกษตรกรชาวนา คือ กลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญของเศรษฐกิจในพื้นที่ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มสินค้าคงทนได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรก ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง สินค้าแฟชัน ฯลฯ ในส่วนของธุรกิจ อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าจำเป็น ได้รับผลกระทบน้อยกว่าเนื่องจากเป็นสินค้าจำ เป็นและ ราคาไม่สูงนัก อีกด้านหนึ่ง ชาวนายังเป็นผู้ผลิตที่สำคัญของเศรษฐกิจในพื้นที่อีกด้วย เมื่อไม่สามารถเพาะปลูกได้ตามปกติ ธุรกิจปุ๋ย เคมีภัณฑ์การเกษตร อุปกรณ์และเครื่องจักรกลเกษตร โรงสีข้าว ฯลฯ ก็ย่อมมีรายได้ลดลงเช่นเดียวกัน

ปีที่ผ่านมา ภาครัฐได้ดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง โดยส่วนหนึ่งเน้นเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ชาวนาโดยตรง ซึ่งธุรกิจอุปโภคบริโภคในพื้นที่ให้ได้รับอานิสงค์ ไปด้วย แต่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตรไม่ได้อานิสงค์ เหมือนธุรกิจกลุ่มแรก เนื่องเกษตรกรชาวนาไม่สามารถ เพาะปลูกได้ตามปกติ

“มาตรการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจทนแล้ง” เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากปริมาณ ผลผลิตข้าวที่ลดลง และยังได้ประโยชน์ทางอ้อมต่อเศรษฐกิจ ไทย คือ ปรับโครงสร้างพืชเศรษฐกิจให้มีความสมดุลมากขึ้น ลด ปริมาณการใช้น้ำในภาคการเกษตร และเกษตรกรชาวนามี ทางเลือกในการเพาะปลูก ส่วนประโยชน์ต่อเศรษฐกิจภูมิภาค ธุรกิจในพื้นที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคได้ประโยชน์จากกำลังซื้อ ของเกษตรกร และธุรกิจภาคการเกษตรที่จะขายปัจจัยการผลิต จากการเพาะปลูกพืชทดแทนข้าว เสมือนยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัว

ที่มา  ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี