ซี-คลาส เฟซลิฟต์รอปลั๊ก-อินไฮบริด ปีหน้า

03 ต.ค. 2561 | 04:56 น.
ซี-คลาส W205 น่าจะเป็นโฉมที่สลับสับเปลี่ยนขุมพลังจนมึนไปหมด เพราะตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกปี 2557 ตัวถังซาลูนประเดิมด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน C180 และ C250 จากนั้นหันทิศทางไปสู่ “บลูเทคไฮบริด” (ดีเซลผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า) ซึ่งทำตลาดได้เพียงปีเดียว ก็ยกระดับไปเป็นรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด C350e ที่เปิดตัวปี 2559

ล่าสุดเมื่อถึงเวลาเฟซลิฟต์ (ไมเนอร์เชนจ์) ซี-คลาส รุ่นนี้กลับมาคบรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลอีกครั้งกับรหัส C220d พร้อมขึ้นไลน์ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จังหวัดสมุทรปราการ ทันที ที่สำคัญยังทำราคาเริ่มต้นถูกกว่า C350e ที่ขายอยู่เดิม(คาดว่าหมดสต๊อกไปแล้ว)

โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แบ่งการขาย C220d ใหม่ เป็น 3 เกรดคือ Avantgarde ราคา 2.349 ล้านบาท (C350e เกรดเดียวกันราคา 2.64 ล้านบาท) Exclusive 2.69 ล้านบาท (C350e ราคา 2.84 ล้านบาท) และ AMG Dynamic ราคา 2.89 ล้านบาท (C350e ราคา 3.149 ล้านบาท) MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Exterior (7)

MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Exterior (8)

แน่นอนว่าต้นทุนของเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริด ย่อมสูงกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ที่หลายประเทศและบางแบรนด์ของยุโรปเริ่มขยับหนีกันแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงของซี-คลาส ใหม่ ก็ไม่ธรรมดา เพราะค่ายดาวสามแฉกยืนยันว่า ได้เปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ที่ไม่ใช้ร่วมกับรุ่นโมเดลเชนจ์กว่า 6,500 รายการ หรือคิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 50% ของรถทั้งคันเลยทีเดียว

สำหรับ C220d Avantgarde จะใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น Exclusive จะเป็นกระจังหน้าแบบคลาสสิก พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่เหนือฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอยแบบ multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว

ตัวท็อป AMG Dynamic จะเป็นกระจังหน้าแบบ diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ ขณะที่กันชน หน้า-หลังและสเกิร์ตข้างเป็นดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling

MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Exterior (12)

 

MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Exterior (10) ส่วนไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม สามารถปรับแสงไฟได้รวดเร็วและแม่นยำ ตามสภาพการจราจร

ภายในห้องโดยสาร ยังนำเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานมาจากรุ่นพี่ เอส-คลาส ด้วยระบบ All-Digital instrument display หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ที่ปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic, Progressive และ Sport ไม่รวมหน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆของรถ รองรับระบบถอยจอดอัตโนมัติ และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่

นอกจากนี้ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟ สร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้
ถึง 64 สี และพิเศษในรุ่น C 220 d Exclusive ยังมีฟังก์ชันช่วยฟอกอากาศ พร้อมปรับอากาศให้มีกลิ่นหอมด้วยนํ้าหอมชนิดเดียวกับเอส-คลาส อีกด้วย

MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Interior (3) MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Interior (5) MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Interior (17) MBTh_The C 220 d AMG Dynamic_Interior (18) ด้านเครื่องยนต์ OM654 ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.9 วินาที (ช้ากว่า C350e ประมาณ 1 วินาที)

…เอาเป็นว่าใครยังนิยมสมรรถนะและความประหยัดนํ้ามันของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล โอกาสกลับมาหาท่านอีกครั้งในราคาที่สมเหตุสมผล เพราะถ้าปีหน้าประมาณไตรมาสแรก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัว ซี-คลาส ใหม่ ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด ตัวถังซาลูนออกมาแล้ว รุ่นดีเซลอาจจะหยุดทำตลาดไป และในช่วงเวลานั้นเรายังมีโอกาสได้เห็นการขยับของคู่แข่งโดยตรงๆอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์3 โฉมใหม่ G20

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,406 วันที่ 4 - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว