“พี่มะเร็ง – น้องเบาหวาน อยู่ได้ หายได้ ด้วยใจเป็นสุข” องค์กรเอกชนจับมือสร้างสังคมสุขภาพดี คืนกำไรสู่สังคม!!!

17 ก.พ. 2559 | 09:43 น.
ปัจจุบันสถิติของบุคคลที่เป็นโรคมะเร็ง  และเบาหวานนั้น ถือว่ามีสูงในอัตราเฉลี่ยที่มีดัชนีชี้วัดได้  และถือว่ามีสถิติที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุน้อยลงทุกวัน  ไม่จำกัดอยู่แค่ผู้สูงอายุเท่านั้น  โรคทั้งสองชนิดนี้มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจาก พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบัน   ที่ก่อให้เกิดทั้งสองโรคดังกล่าว  ถือเป็นอันดับต้นๆของโรคภัยทั้งหมดที่เกิดขึ้น

งานเสวนา “พี่มะเร็ง – น้องเบาหวาน อยู่ได้ หายได้  ด้วยใจเป็นสุข”   โดยความร่วมมือของสององค์กรสุขภาพ   บ.  เฟยดา  จำกัด ผู้นำเข้ายาสมุนไพรจีนรักษามะเร็ง   และโรคเบาหวาน  ซึ่งควบคุมการบริหารงาน โดย  คุณ ภาวนา จู้ กรรมการผู้จัดการ(ประเทศไทย )  และชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง ที่จัดขึ้น ณ. อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ซ.ศูนย์วิจัย วันที่ 31 มค. 2559    ที่ผ่านมา  ต่างมองเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ และต่างมุ่งมั่นที่จะจัดกิจกรรมดีๆเพื่อตอบแทนสังคม  ด้วยการมอบข้อมูลทางสุขภาพที่ดีให้กลับไปด้วยกิจกรรมต่างๆ  ทั้งนี้ได้วิทยากรทางการแพทย์ นาย แพทย์ สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์ประจำสาธารณะสุข 14 ที่ผ่านการคลุกคลีกับผู้ป่วย  มะเร็งและเบาหวาน มาร่วมให้ข้อมูลความรู้กับผู้ร่วมงาน ที่ต่างเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพและลงทะเบียนร่วมงานกว่าร้อยท่าน ถือว่าเป็นการสร้างรอยยิ้มและให้ข้อมูลที่ดีกับบุคคลทั่วไปได้เป็นอย่างดี

รูปประกอบข่าว พี่มะเร็ง 3

ซึ่งนายแพทย์ สิทธา ลิขิตนุกูล  “หมอกอล์ฟ”  ได้กล่าวถึงประเด็นของโรคมะเร็งในงานเสวนาที่มีสถิติการเป็นของคนไทยในปัจจุบันดังนี้

“ สาเหตุที่คนเราปัจจุบันมีอาการของโรคดังกล่าวสูง  ไม่เพียงแค่บุคคลที่พื้นฐานทางพันธุ์กรรมเป็นเท่านั้น  แต่บุคคลที่มีสุขภาพทางครอบครัวที่ดี ปลอดจากการเป็นโรคดังกล่าวไม่มีกรรมพันธุ์ที่เป็นโรคดังกล่าว   ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคดังกล่าวได้  ถ้าไม่ดูแลตัวเองและยังคงใช้ชีวิตแบบไม่ระวัง  เพราะปัจจุบันนั้น อาหารที่เราทานทุกวันนั้นมีอัตราเสี่ยงสูง ที่ทำให้เกิดมะเร็ง  อาทิ อาหารปิ้งย่าง   อาหารทอดที่มีน้ำมันใช้ซ้ำ   หรือการใช้ชีวิตทางด้านอื่นๆที่ส่อและเสี่ยงให้เกิดโรคดังกล่าว       อีกทั้งความเครียดกับปัญหาการดำเนินชีวิตที่ส่งเสริมให้เกิดสภาวะทางอารมณ์ไม่สมดุลและส่งผลเสียทางร่างกายคืออีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผล     หรือ การใช้ชีวิตที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีต่างๆในยุคนี้เราอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งมลพิษ สารเคมีปนเปื้อนต่างๆ อาทิ   สารที่ส่งเสริมเรื่องความสวยงามด้วยค่านิยมอยากขาว    สารพิษจากอาหาร และอื่นๆที่เราต่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งทั้งสิ้น    และถ้าเราไม่ระวังในการใช้ชีวิต  เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะใช้ชีวิตที่สุ่มเสี่ยง และขาดการคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ โดยมีพฤติกรรมดังนี้ เช่น ปาร์ตี้หนัก  ทานดึก  ดื่มสุรา ทานของหมักของดอง ที่เราเรียกว่า อาการ ตามใจปาก ตามใจอารมณ์มากไป  และอื่นๆที่มาจากสาเหตุของการใช้ชีวิตทั้งสิ้น   ซึ่งระยะเวลาไม่นานไม่เพียงแต่โรคมะเร็ง แต่อาจจะเกิดโรคอื่นๆตามมาอีกมาก หรือเกิดอาการที่ว่า “ร่างกายสุมโรค” นั่นเอง ”  ..

คุณหมอยังกล่าวเสริมในงานสัมมนาอีกว่า  “ทั้งหมดนี้รวมถึงการใช้ชีวิตที่ไม่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะระบบขับถ่าย  ทำให้มีอาการท้องผูกเรื้องรัง ส่งผลให้มีสถิติสูงทำให้เกิดโรคมะเร็ง ลำไส้  และถือว่าเป็นอันดับต้นๆของชนิดของมะเร็งต่างๆ”อีกด้วย!!

เนื้อหาการเสวนายังบอกเล่าถึงเมื่อเป็นแล้วควรจะดูแลตัวเองอย่างไร  โดยเฉพาะทางหลักการแพทย์แผนจีนนั้น และแผนปัจจุบันนั้นต่างลงความเห็นที่ตรงกันว่า  ผู้ป่วยเองต้องเริ่มที่ใจเป็นหลัก  ต้องเชื่อมั่นและเข้มแข็งกับแนวทางการรักษา และแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานการรักษาร่วมกันทั้งผู้ป่วยและแพทย์  การหาข้อมูลเป็นเรื่องที่ดีเพื่อให้เรามีทางเลือกในการรักษาแต่ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะส่งผลให้การรักษาเป็นไปตามแนวทางที่วางและส่งผลดี   ประกอบกับการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยที่ว่า “ไม่ทำร้ายตัวเอง” โดยการดูแลพฤติกรรมการใช้ชีวิต  เชื่อและสร้างสามัญสำนึกของตัวเองไว้ในจิตสำนึกเสมอว่า” เราจะต้องมีสุขภาพที่ดี

รูปประกอบข่าวพี่มะเร็ง...

และเนื้อหาการเสวนายังกล่าวถึง โรคเบาหวานถือว่ามีสถิติคนที่เป็นสูงไม่แพ้โรคอื่น  และยังเป็นโรคที่ส่งผลเสียกับการดำเนินชีวิตด้านต่างๆเมื่อเป็นในระยะที่มากขึ้น   จากการเปิดเผยของนายแพทย์ สิทธา ลิขิตนุกุล  ในงานเสวนาดังกล่าวว่า

“เบาหวานนั้นมีอัตราผู้ป่วยสูง  แต่ก็สามารถที่จะรักษาได้และหายขาด หรือควบคุมได้เพื่อไม่ให้มีอาการแทรกซ้อน   การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นนั้นทำไม่ยากบางครั้งถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายแต่หลายคนอาจมองข้าม   โดยพฤติกรรมการทาน  ด้วยสาเหตุที่เมืองไทยนั้น เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธัญญาหาร   เรามีอาหารคาว  หวาน ให้เลือกทาน  รวมถึงผลไม้ที่มักจะมีรสหวานจับใจ  และโดยพฤติกรรมของคนไทยนั้น  จัดเป็นประเภทของชนชาติที่ ติดใจในรสชาดของอาหารที่จัดจ้าน  ประเภทหวานจัด   เค็มจัด  รวมถึงการใช้ชีวิตที่สนุกสนานกับการปาร์ตี้  ด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่มากมาย    จนขาดสติและมักจะละเลยการคิดคำนึงถึงเรื่องของสุขภาพ  ทำให้ก่อเกิดโรคดังกล่าว  และบางท่านอาจจะมีพื้นฐานทางครอบครัวที่เป็นโรคเบาหวานนั้นก็ยิ่งสุ่มเสี่ยงมากขึ้น   ถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ จะไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดของโรคดังกล่าว  เพราะเบาหวานนั้นยังมีเหตุและผลอื่นๆที่ทำให้เกิด   แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า โดยส่วนใหญ่ของผู้ป่วยเบาหวานมาจากพฤติกรรมการทานมากที่สุด”

หมอกอล์ฟ ยังกล่าวในงานเสวนาอีกว่า   ผู้ป่วยเบาหวานที่มีสาเหตุของการรักษาที่ไม่หาย เพราะมาจากการขาดวินัยในการดูแลตัวเอง  และมีพฤติกรรมเรียกว่า “ตามใจปาก” ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ซ้ำเติมร่างกายตัวเองมากที่สุด  และมักไม่ค่อยชอบที่จะพูดความจริงกับแพทย์เพราะแอบมีพฤติกรรมที่ทำร้ายตัวเอง   ทั้งนี้ถึงแม้จะมีข้อมูลทางการรักษาที่ดี  แต่ขาดซึ่งวินัยในการรักษาตัว ขายวินัยในการใช้ชีวิตนั้นก็ไม่ส่งผลดีกับการรักษาหรือการป้องกัน   หรืออีกหนึ่งประเภท หนึ่งพฤติกรรม  คือ ประเภททานแล้วนอน  ขาดการออกกำลังกายนี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคและไม่เพียงแค่ โรคเบาหวานที่กล่าวมาเท่านั้น   ยังส่งผลให้เกิดโรคอื่นๆตามมาอีกมากมาย”

ซึ่งทั้งหมดนี้ คือข้อมูลเบื้องต้นและเป็นข้อมูลง่ายๆแต่มีความสำคัญทำให้เรานั้นไม่เกิดโรคภัยที่เข้ามาเป็นเพื่อนที่ไม่รักเรา   เพราะเพียงแค่คนเราขาดวินัยในการดำเนินชีวิต  มัวแต่หาความสุขเพียงชั่วครู่  ทำให้เรานั้นต้องเจอกับช่วงเวลาที่ต้องอยู่กับโรคภัยไปนานแสนนาน   สิ่งต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นทิศทางการทำงานและนโยบายหลักของ บ.เฟยดา จำกัด และ ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง  ในฐานะที่นำเข้าตัวยาเพื่อการรักษาตามแนวทางของแพทย์ทางเลือกแบบแพทย์แผนจีน  ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของทางองค์กรที่มอบให้ กับผู้คนในสังคม ทั้งสุขภาพกายและใจที่ดีพร้อมนั่นเอง  และรวมถึง ในวันที่ 5 มีนาคม เรายังมีกิจกรรมดีๆเพื่อคืนความสุข และร่วมสร้างสังคมสุขภาพดี ด้วยกิจกรรม พุทธ-สมาธิ-ธรรมะ บริหารใจสู้มะเร็ง  ที่สามารถลงทะเบียนร่วมงานได้ แบบฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เบอร์ 087-6703254 / 081-355-8736  หรือติดตามข่าวความเคลื่อนไหวได้ที่  www. Feidathai.com