"ฮ่องกง" ขึ้นแท่น "เมืองมหาเศรษฐี" อันดับ 1 ของโลก

14 ก.ย. 2561 | 10:12 น.
"ฮ่องกง" ไต่อันดับขึ้นมาเป็นเมืองที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกแล้ว ในปี 2560 จากการจัดอันดับของบริษัทวิจัย เวลธ์-เอ็กซ์ (Wealth-X) ในรายงาน World Ultra Wealth Report ที่เผยแพร่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ฮ่องกงมีมหาเศรษฐีที่มีรายได้ในระดับ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่านั้น (กว่า 990 ล้านบาท) จำนวนมากกว่า 10,000 คน ซึ่งมากกว่าในนิวยอร์ก (8,900 คน) ขณะที่ ทั่วโลกมีมหาเศรษฐีในระดับรายได้ดังกล่าวจำนวนเพิ่มขึ้น 13% เป็น 255,810 คน ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มที่ยังถือว่าน้อยกว่าในเอเชียโดยรวมและในจีน ที่มีจำนวนมหาเศรษฐีระดับนี้เพิ่มขึ้นในอัตรา 19% และ 14% ตามลำดับ


hk2

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า สถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า จักรเฟืองสร้างความมั่งคั่งในเวลานี้ได้เคลื่อนมาอยู่ในประเทศซีกโลกตะวันออก หรือ เอเชีย แทนสหรัฐอเมริกาที่เป็นแชมป์เก่า โดยเฉพาะในประเทศจีนที่เป็นแหล่งสร้างมหาเศรษฐีตามเมืองใหญ่ ๆ ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ของพวกเขายังมีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยเป็นผลมาจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่มีการขยายตัวและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รายงานชี้ว่า ในปี 2560 ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีทั่วโลกที่มีรายได้ระดับ 30 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปนั้น มีมูลค่ารวมกันสูงถึง 31.5 ล้านล้านดอลลาร์

ความมั่งคั่งที่เปลี่ยนขั้วมาทางเอเชียมากขึ้น ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองที่มีคนร่ำรวย (ระดับ 30 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป) มากที่สุดในโลก ตามมาด้วยนิวยอร์กเป็นอันดับ 2 ที่ 8,900 คน, โตเกียว อันดับ 3 ที่ 6,800 คน ทั้งนี้ ในบรรดาเมืองใหญ่ของโลกจำนวน 30 เมืองที่มีการขยายตัวของกลุ่มเศรษฐีระดับ 30 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป (ซึ่งเรียกว่า กลุ่ม Ultra-High-Net-Worth Individuals) อย่างรวดเร็วที่สุดนั้น ในจำนวนดังกล่าวมี 26 เมืองที่อยู่ในประเทศจีน


hong-kong-topples-new-york-as-worlds-richest-city

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงระดับประเทศ สหรัฐอเมริกายังคงครองแชมป์ประเทศที่มีเศรษฐีกลุ่ม Ultra-High-Net-Worth Individuals จำนวนมากที่สุดในโลก หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเกือบ ๆ 80,000 คน ขณะที่ ในจีนมีจำนวน 17,000 คน แต่อัตราการเพิ่มของจำนวนมหาเศรษฐีในกลุ่มรายได้ระดับนี้ของสหรัฐฯ นับว่าเป็นอัตราต่ำที่สุดในบรรดาประเทศที่อยู่ในกลุ่ม Top7

รายงานระบุว่า ในระยะ 4 ปีข้างหน้า เอเชียจะมีอัตราการเพิ่มของจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก โดยคาดว่าภายในปี 2565 (หรือ ค.ศ. 2022) เอเชียจะมีจำนวนเศรษฐีระดับ 30 ล้านดอลลาร์ฯ ขึ้นไป หรือระดับ Ultra-High-Net-Worth จำนวน 108,000 คน (คิดเป็นอัตราเพิ่ม 50%) ส่วนภูมิภาคอเมริกาเหนือคาดว่า การเติบโตจะไม่ถึง 33% คิดเป็นจำนวนประมาณ 132,000 คน ซึ่งเท่ากับว่าเอเชียจะสามารถยกระดับความมั่งคั่งขึ้นมาแม้จะยังไม่ทัดเทียมภูมิภาคอเมริกาเหนือ แต่ความต่างหรือระยะห่างที่เคยมีก็ถือว่าแคบเข้ามาแล้ว


e-book-1-503x62-7