ซีเรียโอบล้อมกบฏ  ที่เมืองอเลปโป l โอฬาร สุขเกษม

15 ก.พ. 2559 | 04:21 น.
“อเลปโป” เมืองที่มีความสำคัญอันดับ2  รองจากกรุงดามัสกัส นครหลวงของประเทศซีเรีย แต่เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งในประเทศและเคยมีประชากรอยู่อาศัยมากที่สุดในประเทศซีเรียด้วย เมืองนี้กำลังถูกฝ่ายรัฐบาลซีเรียบุกโจมตีอย่างหนักเพื่อหวังจะได้ชัย โดยรัสเซียส่งเครื่องบินไปถล่มเป็นการช่วยเหลือมาตลอด และยังคงทิ้งระเบิดโจมตีต่อไปท่ามกลางการเจรจาเพื่อแสวงหาสันติภาพในซีเรีย

ตำแหน่งเมืองอเลปโปอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย อยู่ห่างจากเมืองหลวงดามัสกัสประมาณ 225 ไมล์  เมืองนี้ในอดีตเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับเมโสโปเตเมีย จึงมีความสำคัญทั้งทางด้านการค้า อุตสาหกรรม  และเมืองท่องเที่ยว มีป้อมปราการในอดีต มีสุเหร่าจำนวนมากที่สุดในโลกรองจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์  แต่ความสำคัญด้านการค้าลดลงไปภายหลังจากมีการตัดคลองสุเอซเชื่อมการเดินเรือจากยุโรปสู่เอเชียและเปิดใช้งานแล้ว

ความจริงแล้วเมืองอเลปโปถูกฝ่ายกบฏหรือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรุกคืบมาตลอด จนฝ่ายกบฎยึดสนามบินเลย์วิสไปครอบครองได้ราว 1 ปี แต่ก็ถูกฝ่ายทหารยึดคืนได้สำเร็จเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2558 นี่เอง ก่อนหน้านั้นฝ่ายกบฏรวมทั้งขบวนการรัฐอิสลามหรือกลุ่มไอเอสก็อาศัยเมืองนี้ใช้เป็นที่ตั้งสำคัญทางยุทธศาสตร์ เรียกว่าครึ่งหนึ่งด้านทิศตะวันตกของเมืองอเลปโปเป็นพื้นที่ยึดครองของฝ่ายรัฐบาล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งด้านตะวันออกเป็นฝ่ายกบฏยึดครอง

แต่ขณะนี้ฝ่ายกบฏกำลังเสียเปรียบเนื่องจากทั้งรัฐบาลซีเรียและรัสเซียได้ทำการตีโอบปิดล้อมเมืองอเลปโปทางด้านตะวันออก เพื่อทำลายเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงของฝ่ายกบฏที่มาจากตุรกี จอร์แดนและอิรัก  รวมถึงประชาชนราว 300,000 คน ในเมืองอเลปโปด้วย ที่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพราะการถูกปิดล้อมนั่นเอง

การโอบล้อมดังกล่าวทำให้ฝ่ายตะวันตกต้องส่งเสียงดัง เรียกร้องให้มีการเจรจาโดยเสนอให้มีการหยุดยิงโดยหารือกันในรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แต่การเจรจาล้มเหลวเนื่องจากฝ่ายกบฎไม่เข้าร่วมเจรจาด้วย ขณะเดียวเสียงโอดครวญจากพันธมิตรทั้งหลายของโลกตะวันตกก็ดัง ขึ้นอ้างว่าการปิดล้อมคือการฆาตกรรมหมู่ประชาชนเนื่องจากขาดอาหารในการบริโภค ขณะเดียวกันสหประชาชาติเรียกร้องรัสเซียให้ยุติการโจมตีทางอากาศด้วย

นอกจากนี้ทั้งประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์บอกว่า พร้อมแล้วที่จะส่งกำลังพลไปช่วยฝ่ายกบฏรบกับทหารรัฐบาลซีเรีย เพียงแต่รอความเห็นชอบจากประเทศพันธมิตรทั้งหลายเสียก่อน

สถานการณ์สู้รบในสงครามกลางเมืองซีเรียช่วงนี้ ดูเหมือนฝ่ายก่อกบฏกำลังเพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายรัฐบาล เพราะฝ่ายรัสเซียเสนอว่าจะให้มีการหยุดยิงในวันที่ 1 มีนาคม 2559 แต่ฝ่ายตะวันตกอื่นมองว่ารัสเซียจงใจถ่วงเวลาให้เนิ่นนานออกไป แต่ก็พยายามจะเจรจาครั้งใหม่ในกลางสัปดาห์นี้เพื่อหวังให้หยุดยิงชั่วคราว 1 สัปดาห์เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม

ประธานาธิบดี บาซาร์ อัล-อัสซาด บอกว่า รัฐบาลมีความเชื่อมั่นต่อการเจรจาและในวิธีการทางการเมืองอย่างเต็มที่มานานแล้ว นับตั้งแต่วิกฤตเริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ แต่การเจรจานั้นไม่ได้หมายความว่า พวกเราจะหยุดสู้รบกับพวกผู้ก่อการร้าย  และบอกด้วยว่าเป้าหมายในท้ายที่สุดของรัฐบาลคือ ยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดของซีเรีย หลังจากสูญเสียดินแดนอันกว้างขวางแก่พวกกบฏและพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) หากตัดขาดเส้นทางลำเลียงของฝ่ายต่อต้านจากตุรกี จอร์แดนและอิรักได้สำเร็จจริงๆ ปัญหานี้จะยุติลงภายในไม่ถึงปี แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะต้องใช้เวลานาน

ท่าทีของรัสเซียนั้นยังคงเดินหน้าช่วยถล่มฝ่ายกบฏและกลุ่มไอเอสในซีเรียต่อไป และไม่ลืมที่จะเตือนว่า การส่งกองกำลังทหารภาคพื้นดินเข้าไปช่วยเหลือฝ่ายกบฎหรือช่วยเหลือกลุ่มไอเอส นั่นอาจเป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นได้