โครงสร้างใหม่ ลามินา สู่เป้า1,000 ล้านในปี63

30 ส.ค. 2561 | 09:45 น.
หลังจาก ลามิน่า ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ตั้งแต่วันที่  23 พฤษภาคม 2561  เพื่อรับกับการแข่งขันในยุค 4.0 ซีอีโอใหญ่อย่าง “จันทร์นภา สายสมร” ที่นั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด  ก็ได้ออกมาบอกกล่าวให้ฟังถึงทิศทางและแนวทาง รวมไปถึงผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร

[caption id="attachment_310323" align="aligncenter" width="503"] จันทร์นภา สายสมร จันทร์นภา สายสมร[/caption]

โครงสร้างใหม่

ปีนี้เรามีการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้มีความชัดเจนว่าแต่ละคนจะดูแลอะไร ซึ่งโดยหลักๆจะมีผู้บริหารใหญ่ 3 คนที่รับหน้าที่ ซีอีโอ หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด,ซีโอโอ และซีซีโอ  ส่วนระดับย่อยลงไปก็จะดูแลระดับชั้นของตัวเอง ซึ่งหลังจากที่เราเริ่มปรับก็ถือว่าการทำงานคล่องตัวมากขึ้น มีการรับพนักงานในส่วนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการขาย, การตลาดเพิ่มขึ้นมาเพื่อเสริมทีมให้มีความแข็งแกร่ง ปัจจุบันเรามีพนักงานรวมกันกว่า 136 คน
สาเหตุที่ต้องปรับเปลี่ยน

เราอยากให้องค์กรมีความเป็นสากล และอยู่ได้ด้วยระบบไม่ใช่อยู่ได้ด้วยตัวบุคคล ซึ่งองค์กรของเราโชคดีมากแม้จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง แต่บุคลากร พนักงานต่างๆ วัฒนธรรมองค์กรของเรา มีความเข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการ เพราะหากเรายังอยู่เฉยๆก็จะล้าหลัง และองค์กรของเราก็จะแข่งขันกับคนอื่นไม่ได้
เป้าหมายในอนาคต

ผลจากการปรับในครั้งนี้ เรามองไปถึงปี 2563 ที่เราจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่  850 ล้านบาท แบ่งออกเป็นธุรกิจฟิล์มกรองแสง 95% และ อื่นๆ 5% ส่วนอัตราการเติบโตในแต่ละปีเฉลี่ย 10% ด้านรายได้ในช่วง 7 เดือนของปี 2561 ที่ผ่านมา เราทำได้ 480 ล้านบาท

090861-1927-9-335x503-3
ทิศทางการเติบโตธุรกิจฟิล์ม

ภาพรวมธุรกิจฟิล์มกรองแสงที่เติบโต จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดรถยนต์ แต่โตน้อยกว่าเพียงเล็กน้อย โดยสัดส่วนการติดตั้งฟิล์มนั้นแบ่งออกเป็น โชว์รูม 80% และ รีเทลซึ่งเป็นร้านค้าต่างๆ 20%

ปัจจุบันมีโชว์รูมรถยนต์ทั่วประเทศประมาณ  2,000 -2,500 แห่ง ส่วนรีเทลหรือร้านค้า-ประดับยนต์ต่างๆมีประมาณ  3,000 แห่ง  สำหรับลามิน่า มีจำนวนช่องทางแบ่งออกเป็นโชว์รูมประมาณ 1,400 แห่ง และรีเทล 660 แห่ง ขณะที่ร้านค้าที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟช็อป ซึ่งขายเพียงแบรนด์ลามิน่าอย่างเดียวมีจำนวน 60 แห่ง
แผนรุกตลาด

เราจะทำ “แอลทิเมต (Ltimate)” ที่เป็นการรวมสินค้าในกลุ่มฮีโร่ หรือแบรนด์ซูเปอร์พรีเมียมมาอยู่ด้วยกัน ประกอบไปด้วย ฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า”, ฟิล์มกลุ่มพิเศษ “ลูมาร์” โดยซีพีฟิล์มอิงค์ มาตรฐานไอเอสโอ 9001ในเครือบริษัท อีสท์แมน เคมิคอล  สหรัฐอเมริกา, นวัตกรรมเคลือบปกป้องรถยนต์ เรือ อากาศยาน “ไทรบอส” จากอังกฤษ, ลำโพงติดรถยนต์ระดับไฮเอนด์ “โซนิค ดีไซน์” จากญี่ปุ่น และฟิล์มนิรภัยติดกระจกด้านนอกรถคุณภาพสูง “เบรย์” จากสหรัฐอเมริกา

โดย“แอลทิเมต (Ltimate)” จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท มีพื้นที่ให้บริการ 100 ตารางเมตร สาขาแรกที่เปิดคือ ชลบุรี และตั้งเป้าหมายในปีนี้จะเปิดให้บริการรวม 3 แห่ง ปีหน้าอีก 7 แห่ง ส่วนรายได้คาดว่าปีแรกจะทำได้ 20 ล้านบาท และภายในปี 2563 จะทำได้ 50 ล้านบาท
จุดที่ต้องการปรับปรุง

ในแต่ละปีเรามีลูกค้าที่ติดตั้งฟิล์มของเราเยอะมาก ประมาณ 3 แสนคัน แต่ฐานข้อมูลที่ลูกค้าลงทะเบียนเข้ามาเพื่อใช้สิทธิรับประกันสินค้ามีเพียง 50% ซึ่งเราอยากให้ลูกค้าเข้ามาลงทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิ์ เพราะการรับประกันของเรานานกว่า 7 ปี โดยแผนการตลาดหลังจากนี้เราคงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าได้รับรู้สิทธิประโยชน์

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,396 วันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน พ.ศ. 2561

e-book-1-503x62