ยกฟ้อง "พล.ต.ท.สุชาติ" สลายม็อบพันธมิตรฯ ปี 51

28 ส.ค. 2561 | 06:45 น.
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมาก ยกฟ้อง "พล.ต.ท.สุชาติ" อดีต ผบช.น. ผู้บัญชาการเหตุการณ์สลายม็อบพันธมิตรฯ ปี 51 ไม่มีเจตนาพิเศษเพื่อทำร้ายผู้ชุมนุม คำอุทธรณ์ของ ป.ป.ช. ฟังไม่ขึ้น ขณะที่ "พล.ต.ท.สุชาติ" พอใจ ระบุ เป็นบทเรียนให้ตำรวจต้องรอบคอบและยึดกฎหมาย




สุชาติ

ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำนงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นอุทธรณ์เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) โดยไม่ได้ยื่นอุทธรณ์จำเลยอีก 3 คน ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี , พล.อ.ชวลิตร ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


Thai police riot shoot tear gas to Anti Government protesters in front of parliament in Bangkok on Tuesday Oct 7.2008.(AP Photo/Sakchai Lalit)

คดีดังกล่าวศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำนงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คนไป เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2560 ต่อมา ป.ป.ช. ได้ยื่นอุทธรณ์ เฉพาะกรณีของ พล.ต.ท.สุชาติ โดยให้เหตุผลว่า เป็นผู้ปฏิบัติต้องรับผิดชอบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นระหว่างการสลายการชุมนุม เนื่องจากกระทำเกินกว่าเหตุ

ศาลฎีกาฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การสลายการชุมนุมทั้งช่วงเช้า-บ่ายที่บริเวณหน้ารัฐสภา ไปจนถึงตอนค่ำ ที่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นการกระทำที่ไม่เกินกว่าเหตุ เนื่องจากต้องเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมเพื่อฟังการแถลงนโยบายจากรัฐบาล และเป็นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบกับมีการเจรจาและแจ้งเตือน ก่อนที่จะใช้แก๊สน้ำตาแล้ว อีกทั้งผู้ชุมนุมยังใช้หนังสติ๊ก ก้อนหิน แท่งเหล็ก ปาและยิงใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้จำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาในการควบคุมฝูงชน


สลายม๊อบ_1

ส่วนในช่วงค่ำ ผู้ชุมนุมก็ไม่มีเหตุที่จะต้องไปบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ต้องเร่งปฏิบัติการ เพราะเกรงว่า เมื่อมืดค่ำจะทำให้สถานการณ์บานปลาย อีกทั้งจากการพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นผลจากแก๊สน้ำตา ในทางตรงกันข้ามกลับพบสารที่มีอยู่ในส่วนประกอบของระเบิดซีโฟร์และระเบิดแสวงเครื่องที่ทำเอง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านแก๊สน้ำตา ยืนยันว่า แก๊สน้ำตาไม่เคยทำให้ผู้ใดเสียชีวิต นอกจากนี้ ในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ระบุว่า แก๊สน้ำตาถือเป็นเครื่องมือในการควบคุมฝูงชนตามแนวทางของนานาประเทศ

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์จึงมีมติเสียงข้างมากกว่า การกระทำของ พล.ต.ท.สุชาติ ไม่มีเจตนาพิเศษ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและร่างกายของผู้ชุมนุม จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 ไปก่อนหน้านี้ คำอุทธรณ์ของ ป.ป.ช. จึงฟังไม่ขึ้น

ภายหลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า พอใจกับคำพิพากษาและน้อมรับ หลังจากสู้คดีมานานเกือบ 10 ปี โดยยืนยันว่า ปฏิบัติตามหน้าที่และกฎหมาย แต่เห็นว่า คำพิพากษานี้ไม่สามารถเป็นแนวปฏิบัติของตำรวจได้ เพราะต้องดูแต่ละสถานการณ์ ซึ่งถือเป็นบทเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีความรอบคอบในการปฏิบัติ รวมทั้งต้องยึดกฎหมายด้วย


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ป.ป.ช. แจงเหตุไม่รื้อคดี สลายชุมนุมนปช.2553 "เต้น" ระบุหลังเลือกตั้งลุยใหม่
เต้น จี้ ป.ป.ช.รื้อคดี สลายชุมนุมเสื้อแดง ปี 53


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว