อสังหาฯดันตลาดวัสดุก่อสร้างฟื้น“ควิก โคท”สบช่องขยายโรงงาน

22 ส.ค. 2561 | 07:17 น.
“ควิก โคท โปรดักส์” ชี้อสังหาฯ โตดันวัสดุก่อสร้างฟื้น ขยายโรงงานนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ เปิดตัว 3 แบรนด์ใหม่คาดสิ้นปี 2561 ยอดขายทะลัก 800ล้าน

 

g (2)

นายอัครภัทร ทองน้ำตะโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควิก โคท โปรดักส์ จำกัด กล่าวว่า ได้มองเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างภายในประเทศ ที่เริ่มมีความต้องการเพิ่มขึ้นไปในทิศทางบวกหลังจากชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปี  2559 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยคาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 8-10%  ในครึ่งปีหลังหลังจากมีการอนุมัติโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายในประเทศอย่างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายต่างๆเมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) และเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ประกอบกับกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ของภาคเอกชนที่ส่งสัญญาณแสดงความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวการลงทุนทั้งในส่วนของงานก่อสร้างที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมกลางน้ำในตลาดวัสดุก่อสร้างอย่างเหล็ก ซีเมนต์ คอนกรีต ปูนสำเร็จรูป รวมถึงปูนฉาบอิฐมวลเบาด้วย

ทำให้ปีนี้ ควิกโคทขยายการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพ ในสายการผลิตเดิมและเริ่มแผนขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าทุกกลุ่ม ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท โดยจะมีการนำเอาหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตให้เป็นระบบออโตเมชั่นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 60%  เมื่อเทียบกับการผลิตระบบเดิม เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต ช่วยลดระยะเวลาการผลิตทำให้ผลิตสินค้าได้มากขึ้น และสามารถควบคุมคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนของสินค้าเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว โดยแผนการขยายโรงงานนี้จะแล้วเสร็จในปี 2562 และจะมีความสามารถในการผลิตได้สูงถึง 3200 ตัน/วัน หรือกว่า 9 แสนตัน/ปี โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 10 เท่าตัว

ล่าสุดได้เปิดตัว 3 แบรนด์สินค้า ได้แก่ 1) My Loft ปูนฉาบแต่งผิวสไตล์ลอฟท์สำเร็จรูปที่สามารถใช้งานได้ทันที โดยมี Concept ในการสร้างแรงบันดาลใจของผู้ใช้แบบ DIM หรือ DO IT MYSELF ไม่ใช่แค่ DIY อย่างที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่อย่าง Home users ที่ปัจจุบันมีความนิยมออกแบบตกแต่งบ้านด้วยตัวเองมากขึ้น 2) GP100 ปูนกาวอเนกประสงค์ ที่สามารถใช้เป็นทั้งปูนก่ออิฐมวลเบาและเป็นปูนกาวติดกระเบื้องทั่วไปในตัวเดียวกัน เพื่อเพิ่มคุณประโยชน์การใช้งานให้กับช่างที่ต้องการความสะดวกมากกว่าเดิม และ 3) ปูนฉาบมวลเบาดิ่งแดง Premium CP001P สูตรพิเศษที่ช่วยลดการแตกร้าวได้มากถึง 95% สำหรับลูกค้าและผู้ใช้งานที่ต้องการปูนฉาบอิฐมวลเบาเกรดพรีเมี่ยมคุณภาพที่เหนือกว่าเดิม

g9

นอกจากนี้ยังได้มีการทำกิจกรรม CSR เพื่อตอกย้ำว่าเป็นแบรนด์ปูนฉาบอิฐมวลเบาอันดับหนึ่งในใจช่าง ด้วยการทำกิจกรรม CSR ร่วมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่าง “แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง” กับ 3 โครงการดี ๆ ได้แก่ โครงการไม่แตกแยกไม่แตกร้าว ซึ่งเป็น“โครงการอบรมพื้นฐานงานก่อสร้างเบื้องต้นกับปูนลูกดิ่ง” ร่วมกับสถาบันศึกษา 10 สถาบันอาทิเช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการสามเสน เป็นต้น

g10

โดย โครงการ “ไม่แตกแยกไม่แตกร้าว ซีซั่น 2” เพื่อสร้างการตระหนักรู้ในกลุ่มนักเรียนช่างให้มีความรักความสามัคคี และโครงการประกวดหนังสั้น เพื่อรณรงค์ ต่อเนื่องในการสร้างความปรองดองให้กลุ่มนักเรียนช่าง โดยเชื่อมโยงกับกิจกรรมฝายมีชีวิตที่มุ่งสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 มาสานต่อในรัชกาลปัจจุบัน โดยยึดหลักการทรงงาน 23 ประการที่ทางพนักงานและบริษัทฯ ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติตลอดมา โดยโครงการดังกล่าวจะมีการจัดทำในปี 2561-2562

“จากแผนการลงทุนขยายกำลังการผลิต การเปิดตัวสินค้าใหม่ และการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดรายได้ที่ 800 ล้านบาทเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา และหลังจากโรงงานใหม่เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าปูนตราลูกดิ่งจะสามารถดึงส่วนแบ่งการตลาดกลับคืนมาในระดับเดิมได้ในปี 2562” นายอัครภัทร กล่าวทิ้งท้าย