โรงเรียนสอนขับโดรนผุดเป็นดอกเห็ด l วิชัย สุวรรณบรรณ

12 ก.พ. 2559 | 09:37 น.
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน กลายเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังพุ่งแรงสุด ๆ เป็นกระแสความนิยมทั่วโลกทำให้เกิดอาชีพใหม่ขึ้นมากมายและหนึ่งในนั้นคืออาชีพสอนบินโดรน

จีน ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตและมีการใช้โดรนในภาระกิจต่าง ๆ มากที่สุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำแผนที่ การถ่ายรูป หรือใช้เป็นอุปกรณ์ของตำรวจในการยิงแก๊สน้ำตา  ทำให้มีการใช้โดรนอย่างแพร่หลายและเกิดปัญหาขาดแคลนคนขับโดรน

นักบินโดรน กลายมาเป็นอาชีพที่น่าสนใจที่สุดของคนหนุ่มสาวจีนในขณะนี้ ทำให้มีโรงเรียนสอนนักบินโดรนผุดขึ้นแล้วกว่า 40 แห่งในประเทศจีน

สำนักข่าวเอพี รายงานว่าโรงเรียนสอนนักบินโดรน ส่วนใหญ่เปิดหลักสูตรสั้น ๆ เรียนเร็ว หางานได้ทันที โดยยกตัวอย่างบริษัท ทีทีเอเวียชัน (TT Aviation) เปิดหลักสูตร 2 อาทิตย์คิดค่าเรียน 8,000 หยวน (ประมาณ 43,000 บาท) ซึ่งมีทั้งภาคทฤษฎีและการฝึกขับโดรนจริง ๆ เมื่อเรียนจบแล้วจะได้ใบประกาศนียบัตรนักบินโดรนของกรมการบินพลเรือนจีน สำหรับบินโดรนที่มีน้ำหนักมากกว่า 7 กิโลกรัม ในเพดานบินที่สูงกว่า 120 เมตร

เอพี ระบุว่าเงินเดือนขั้นต้นสำหรับอาชีพขับโดรนขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 5,000 หยวนต่อเดือน (ประมาณ 27,000 บาท) ถ้ามีประสบการณ์สูง ๆ อาจจะได้เงินเดือนมากกว่านี้เป็นเท่าตัว และเป็นอาชีพที่หางานง่าย อย่างเช่นในปีนี้มีความต้องการนักบินโดรนในประเทศจีน 10,000 คนแต่มีนักบินโดรนที่เรียนจบมีใบอนุญาตอยู่แค่ 1,000 คน

แน่นอนว่าโรงเรียนสอนนักบินโดรนจะต้องเป็นธุรกิจใหม่ ที่มาแรงสุด ๆ เพราะครูสอนขับโดรน ในประเทศจีนให้สัมภาษณ์เอพี ว่าความต้องการนักบินโดรนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากจะมีการนำโดรนมาใช้ในงานที่หลากหลายขึ้นตั้งแต่ การถ่ายรูป การถ่ายภาพยนต์ งานทางด้านเกษตรกรรม การทำแผนที่ การขนส่งสินค้า การคุมฝูงชนและติดตามคนร้าย

โรงเรียนสอนนักบินโดรน จะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วหัวระแหงเหมือนกับโรงเรียนสอนขับรถยนต์ เพราะนักบินโดรนจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกฏระเบียบต่าง ๆ ที่ภาคราชการจะสร้างและพัฒนาขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้งและบังคับให้นักบินโดรนต้องมีใบอนุญาตเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสาธารณชน  และแม้จะได้ใบอนุญาตแล้ว นักเรียนอาจจะต้องกลับไปเรียนใหม่เป็นระยะ ๆ เมื่อมีการพัฒนาโดรนชนิดใหม่ ๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

แน่นอนว่าโรงเรียนนักบินโดรนคงไม่กลายเป็นธุรกิจใหม่ที่ผุดขึ้นมาแข่งกับโรงเรียนขับรถยนต์ในประเทศจีนเท่านั้น ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกคงเกิดปรากฎการณ์เดียวกัน