SCGลาวชี้นํ้าท่วมไม่กระทบลูกค้า

06 ส.ค. 2561 | 05:26 น.
โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ SCG ที่สปป.ลาวนํ้าท่วม หยุดผลิตชั่วคราวยาว 1 เดือน ใช้เวลาสูบนํ้าและปรับพื้นที่เข้าสู่ปกติได้ต้นก.ย.นี้ เอ็มดี “คำม่วนซิเมนต์” ยืนยันไม่กระทบลูกค้า พร้อมระดมพนักงานจิตอาสาร่วมช่วยเหลือชุมชนรอบโรงงาน

แหล่งข่าวจากวงการผลิตปูนซีเมนต์เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากผลกระทบจากนํ้าท่วมในสปป.ลาว ที่เกิดจากภัยธรรมชาติในขณะนี้ ทำให้โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของกลุ่มเอสซีจีที่ไปลงทุนในสปป.ลาว ในนาม บริษัท คำม่วน ซิเมนต์ จำกัด ในธุรกิจเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้รับผลกระทบ หลังจากที่มีปริมาณนํ้าท่วมเข้าไปในพื้นที่โรงงานผลิตปูน ซีเมนต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโพวาเมืองมะหาไช แขวงคำม่วน สปป.ลาว ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งแรกของ สปป.ลาว ทำให้ต้องประกาศหยุดผลิตปูน ซีเมนต์ชั่วคราวประมาณ 1 เดือน คาดว่า จะใช้เวลาสูบนํ้าออก และปรับพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิมให้แล้วเสร็จได้ราวต้นเดือนกันยายนนี้ และจะกลับมาผลิตได้ตามปกติ 203

ทั้งนี้โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของเอสซีจีที่สปป.ลาวเริ่มก่อสร้างเมื่อ 4 ปีก่อน และเปิดขายเชิงพาณิชย์ได้เมื่อปี 2560 ส่วนใหญ่ผลิตป้อนตลาดในสปป.ลาว โดยมีขนาดกำลังผลิต 1.8 ล้านตันต่อปี

ต่อเรื่องนี้นายวรการ พงษ์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คำม่วน ซิเมนต์ จำกัด กล่าวว่า “ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องจากมรสุม ได้ส่งผลให้ปริมาณนํ้าจากแม่นํ้าเซบั้งไฟล้นตลิ่งท่วมบริเวณโรงงานปูนซีเมนต์คำม่วน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตามสถานการณ์นํ้าอย่างใกล้ชิด โดยมีแผนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวไว้แล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของพนักงานจึงปิดโรงงานและระงับการผลิตปูนซีเมนต์ไว้ชั่วคราว โดยจะขนส่งสินค้าจากโรงงานปูนซีเมนต์ แก่งคอยมาทดแทน เพื่อดูแลให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทและพนักงาน ยังร่วมกับแขวงคำม่วน และเมืองมะหาไช มอบถุงยังชีพจำนวน 800 ถุง พร้อมเงินช่วยเหลือ และได้เชิญชวนพนักงานที่มีจิตอาสาร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมืองมะหาไช แขวงคำม่วน เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้ชุมชนรอบโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากนํ้าท่วมในครั้งนี้ รวมทั้งสนับสนุนการฟื้นฟูวัด โรงเรียน และถนนที่เสียหาย ภายหลังนํ้าลด เป็นต้น

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการฟื้นฟูโรงงานหลังนํ้าลด เพื่อให้สามารถเดินเครื่องจักรได้ตามปกติ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติภายใน 30 วัน

ส่วนกรณีผลกระทบจากเขื่อนแตกที่สปป.ลาวนั้น นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กล่าวว่าจากการสอบถามไปยังสมาชิกในกลุ่มอาหาร ได้รับการรายงานว่า โรงงานและผู้ประกอบการส่วนมากไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากเขื่อนแตกในแขวงอัตตะปือ ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ ในขณะที่โรงงานส่วนมากจะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภาคกลางค่อนไปทางภาคเหนือ และแขวงอัตตะปือจะไม่ค่อยมีผู้ประกอบการเข้าไปตั้งโรงงานเพราะเป็นพื้นที่ที่กันดาร การเดินทางยังไม่สะดวก ทั้งนี้คาดว่าสินค้าที่มีโอกาสขายได้มากขึ้น น่าจะเป็นสินค้าจำพวกปลากระป๋อง เพราะมีการซื้อไปบริจาค และเป็นสินค้าที่เป็นที่รู้จัก คนลาวรับประทานง่าย และเหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบันขณะนี้

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,389 วันที่ 5-8 สิงหาคม 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว