โหมส่งเสริมใช้ "บี20" พยุงราคาปาล์ม-สู้นํ้ามันแพง
ด้วยภาวะสต๊อกนํ้ามันปาล์มดิบหรือซีพีโอ ในช่วงที่ผ่านมา มีปริมาณเพิ่มสูงมากที่ระดับ 5 แสนตัน ได้ฉุดให้ราคาผลปาล์มนํ้ามันตกตํ่า ประกอบกับราคานํ้ามันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหน้าหนาวที่จะถึงนี้ ทำให้กระทรวงพลังงาน จึงต้องเร่งหาทางดูดซับสต๊อกซีพีโอ และช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการภาคขนส่ง และค่าโดยสาร เพื่อไม่ให้มีการปรับค่าขนส่งสินค้าและค่าโดยสารเพิ่มขึ้น จากผลกระทบของราคานํ้ามัน
ดึงภาคขนส่งใช้บี20
โครงการส่งเสริมการใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ของกระทรวงพลังงาน จึงถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยการดึงบริษัทผู้ค้านํ้ามันและผู้ประกอบการภาคขนส่งทั่วประเทศ รวมถึงเรือโดยสารเข้ามาร่วมโครงการ ให้เกิดการใช้นํ้ามันดีเซลบี 20 ได้อย่างแพร่หลาย ซึ่งจะเป็นการช่วยดูดซับสต๊อกซีพีโอ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลหรือบี 100 ได้ในปริมาณที่มากขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนของภาคขนส่ง
จากการนำเงินกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิงมาช่วยอุดหนุนในราคาลิตรละ 3 บาท
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้ให้เห็นว่า การส่งเสริมดีเซล บี 20 โดยมีเป้าหมายเพิ่มการใช้ให้ได้ 15 ล้านลิตรต่อวัน จะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้นํ้ามันปาล์มดิบได้มากขึ้น จากเดิม 1.3 ล้านตันต่อปี เป็น 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการ 24 ราย คิดเป็นปริมาณการใช้แล้ว 270,000 ลิตรต่อเดือน ช่วยเพิ่มการใช้นํ้ามันปาล์มดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลได้ 360 ตันต่อปี
ทั้งนี้ นอกจากเป็นการดูดซับสต๊อกซีพีโอแล้ว ยังช่วยพยุงราคาผลปาล์มนํ้ามันไม่ให้ตกตํ่าได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันเป็นการช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและค่าโดยสาร รวมถึงค่าครองชีพของประชาชนที่จะลดลงได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาทดลองใช้นํ้ามันดีเซลบี 20 ในรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่บางยี่ห้อบางรุ่น พบว่าไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ อีกทั้งยังทำให้ระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ยันไม่กระทบเครื่องยนต์
โดยมีผลทดสอบนํ้ามันดีเซลบี 20 ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานหรือ พพ. ได้ออกมาการันตีความมั่นใจของการใช้ในกลุ่มรถบรรทุก ระยะทางทดลองวิ่ง 30,000 กิโลเมตร จะช่วยให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยกว่าการใช้นํ้ามันดีเซล พบสมรรถนะและอัตราการสิ้นเปลืองไม่ต่างจากนํ้ามันดีเซลปกติ และยังช่วยทำให้มลพิษลดลง นอกจากนี้ยังมีผลการทดสอบการใช้ดีเซลบี 20 ในรถยนต์บรรทุก ระยะทาง 100,000 กิโลเมตรเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการทดสอบภาคสนาม ของกรมธุรกิจพลังงาน และผลสรุปสอดคล้องกันว่า การใช้งานไม่พบการสึกหรอและความเสียหายของระบบเชื้อเพลิงและระบบหล่อลื่นที่แตกต่างไปจากการใช้นํ้ามันดีเซล
ที่สำคัญนํ้ามันดีเซลบี 20 จะช่วยลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชนด้านค่าขนส่งและค่าโดยสาร เนื่องจากช่วยลดรายจ่ายค่านํ้ามันให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะราคาถูกกว่าราคานํ้ามันดีเซลเกรดปกติ 3 บาทต่อลิตร ถือเป็นการสร้างสมดุลไม่ให้ราคาปาล์มนํ้ามันตกตํ่าอีกด้วย
เร่งขยายจุดบริการ
สำหรับมาตรการส่งเสริม นํ้ามันดีเซลบี 20 ในระยะต่อไป กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยการเร่งขยายจุด Fleet ของผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น จากที่เข้าร่วมโครงการแล้ว เพื่อรองรับจำนวนรถบรรทุก รถโดยสารให้เข้าโครงการมากยิ่งขึ้น รวมทั้งพพ. ยังมีมาตรการ Eco Driver Saving Energy ในการพัฒนาบุคลากรในภาคขนส่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ภาคขนส่งประหยัดการใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38 ฉบับ 3,388 วันที่ 2-4 สิงหาคม 2561
ดึงภาคขนส่งใช้บี20
โครงการส่งเสริมการใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ของกระทรวงพลังงาน จึงถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยการดึงบริษัทผู้ค้านํ้ามันและผู้ประกอบการภาคขนส่งทั่วประเทศ รวมถึงเรือโดยสารเข้ามาร่วมโครงการ ให้เกิดการใช้นํ้ามันดีเซลบี 20 ได้อย่างแพร่หลาย ซึ่งจะเป็นการช่วยดูดซับสต๊อกซีพีโอ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลหรือบี 100 ได้ในปริมาณที่มากขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนของภาคขนส่ง
จากการนำเงินกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิงมาช่วยอุดหนุนในราคาลิตรละ 3 บาท
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้ให้เห็นว่า การส่งเสริมดีเซล บี 20 โดยมีเป้าหมายเพิ่มการใช้ให้ได้ 15 ล้านลิตรต่อวัน จะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้นํ้ามันปาล์มดิบได้มากขึ้น จากเดิม 1.3 ล้านตันต่อปี เป็น 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการ 24 ราย คิดเป็นปริมาณการใช้แล้ว 270,000 ลิตรต่อเดือน ช่วยเพิ่มการใช้นํ้ามันปาล์มดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลได้ 360 ตันต่อปี
ทั้งนี้ นอกจากเป็นการดูดซับสต๊อกซีพีโอแล้ว ยังช่วยพยุงราคาผลปาล์มนํ้ามันไม่ให้ตกตํ่าได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันเป็นการช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและค่าโดยสาร รวมถึงค่าครองชีพของประชาชนที่จะลดลงได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาทดลองใช้นํ้ามันดีเซลบี 20 ในรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่บางยี่ห้อบางรุ่น พบว่าไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ อีกทั้งยังทำให้ระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ยันไม่กระทบเครื่องยนต์
โดยมีผลทดสอบนํ้ามันดีเซลบี 20 ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานหรือ พพ. ได้ออกมาการันตีความมั่นใจของการใช้ในกลุ่มรถบรรทุก ระยะทางทดลองวิ่ง 30,000 กิโลเมตร จะช่วยให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยกว่าการใช้นํ้ามันดีเซล พบสมรรถนะและอัตราการสิ้นเปลืองไม่ต่างจากนํ้ามันดีเซลปกติ และยังช่วยทำให้มลพิษลดลง นอกจากนี้ยังมีผลการทดสอบการใช้ดีเซลบี 20 ในรถยนต์บรรทุก ระยะทาง 100,000 กิโลเมตรเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการทดสอบภาคสนาม ของกรมธุรกิจพลังงาน และผลสรุปสอดคล้องกันว่า การใช้งานไม่พบการสึกหรอและความเสียหายของระบบเชื้อเพลิงและระบบหล่อลื่นที่แตกต่างไปจากการใช้นํ้ามันดีเซล
ที่สำคัญนํ้ามันดีเซลบี 20 จะช่วยลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชนด้านค่าขนส่งและค่าโดยสาร เนื่องจากช่วยลดรายจ่ายค่านํ้ามันให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะราคาถูกกว่าราคานํ้ามันดีเซลเกรดปกติ 3 บาทต่อลิตร ถือเป็นการสร้างสมดุลไม่ให้ราคาปาล์มนํ้ามันตกตํ่าอีกด้วย
เร่งขยายจุดบริการ
สำหรับมาตรการส่งเสริม นํ้ามันดีเซลบี 20 ในระยะต่อไป กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยการเร่งขยายจุด Fleet ของผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น จากที่เข้าร่วมโครงการแล้ว เพื่อรองรับจำนวนรถบรรทุก รถโดยสารให้เข้าโครงการมากยิ่งขึ้น รวมทั้งพพ. ยังมีมาตรการ Eco Driver Saving Energy ในการพัฒนาบุคลากรในภาคขนส่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ภาคขนส่งประหยัดการใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38 ฉบับ 3,388 วันที่ 2-4 สิงหาคม 2561