สำรวจตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรก...ใครรุ่ง-ร่วง
-25 ก.ค. 61- อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยผ่านมาครึ่งปี (ม.ค.-มิ.ย.61) มีแนวโน้มสดใส ทั้งยอดผลิตรถยนต์ 1,056,569 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 11.1% ส่วนยอดขายรถในประเทศ 489,261 คัน โต 19.3% นำโดยพี่ใหญ่โตโยต้า 141,989 คัน อีซูซุ 86,363 คัน ฮอนด้า 59,838 คัน มิตซูบิชิ 41,101 คัน และมาสด้า 33,593 คัน
โดยค่ายที่มีอัตราเติบโตสูงต้องยกให้มาสด้าขายเพิ่มขึ้นถึง 40% รวมถึงน้องใหม่เอ็มจี ที่โตกว่า 100% ด้วยยอดขายรวม 12,028 คัน ขณะที่ค่ายใหญ่อื่นๆ ก็เป็นบวกกันถ้วนหน้า แต่มีหลุดไปเล็กน้อยคือฮอนด้า ที่ขายลดลง 2.6%
แม้จะมีผลกระทบจากราคาสินค้าการเกษตร และหนี้ภาคครัวเรือนสูง แต่ในภาพรวมของตลาดรถยนต์ยังมีกำลังซื้ออยู่พอสมควร สังเกตได้จากรถทุกเซ็กเมนต์ เช่นปิกอัพ ที่มียอดขาย 207,371 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% เบอร์ 1 คืออีซูซุ ดีแมคซ์ ตามมาติดๆคือโตโยต้า ไฮลักซ์รีโว่ และฟอร์ด เรนเจอร์ ส่วนอันดับอื่นๆที่ตามมาก็ถือว่ายอดขายเติบโตทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็นมิตซูบิชิ ไทรทัน ,นิสสัน นาวารา ,เชฟโรเลต โคโลราโด และมาสด้า บีที -50
ด้านพีพีวี หรือ ปิกอัพดัดแปลงมียอดขายรวม 30,061 คัน เพิ่มขึ้น 5.3% ส่วนกลุ่มเอสยูวี หรือรถอเนกประสงค์ มียอดขายรวม 38,814 คัน เพิ่มขึ้น 57.1% และเมื่อรวมทั้ง 2 เซ็ก เมนต์พบว่ายอดขายมีทั้งสิ้น 68,875 คัน เพิ่มขึ้น 29.3%
ในกลุ่มบี-เอสยูวี ที่พัฒนาบนพื้นฐานรถยนต์นั่งถือว่าแข่งขันกันรุนแรง ทั้งโตโยต้า ซี-เอชอาร์ ใหม่ การไมเนอร์เชนจ์ของฮอนด้า
เอชอาร์วี และมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ทว่ารุ่นที่ขายมากที่สุดเป็นของ เอ็มจี แซดเอส 7,565 คัน
“ยอดขายครึ่งปีแรก 12,028 คัน โตขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และทุบสถิติยอดจำหน่ายของเอ็มจี ทั้งปี 2560 เป็นที่เรียบร้อย เป็นเครื่องการันตีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ เอ็มจี อย่างแท้จริง พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 30,000 คัน ในปีนี้” นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ส่วนคอมแพ็กต์คาร์ มียอดขายรวม 29,2580 คัน เพิ่มขึ้น 6.5% ในกลุ่มนี้ ผู้เล่นที่ครองเบอร์ 1 ยังคงเป็นฮอนด้า ซีวิค, ตามมาด้วยโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส,มาสด้า 3, นิสสัน ซิลฟี,ฟอร์ด โฟกัส
ด้านตลาดรถขนาดเล็กอย่างบี-คาร์ และอีโคคาร์ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้น 142,530 คัน เพิ่มขึ้น 23.8% โดยผู้นำในกลุ่มบี-คาร์ เป็นของฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่น ฮอนด้า ซิตี้,ฮอนด้า แจ๊ซ และอันดับ 3 คือ โตโยต้า วีออส อย่างไรก็ดี ยอดขายของซิตี้ และวีออส ลดลงทั้งคู่
ขณะที่กลุ่มอีโคคาร์ มีผู้นำคือโตโยต้า ยาริส แฮตช์ แบ็กตามมาด้วยโตโยต้ายาริส เอทีฟ อันดับ 3 คือมาสด้า 2 แบบซีดาน, อันดับ 4 นิสสัน อัลเมร่า และอันดับ 5 มิตซูบิชิ แอททราจ
แม้ทุกเซ็กเมนต์จะเติบโต มีเพียงกลุ่มดี-คาร์ หรือกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลางที่มีผู้เล่นอย่างโตโยต้า คัมรี่, ฮอนด้า แอคคอร์ด และ นิสสัน เทียน่า เท่านั้นที่ยอดรวมตกลง 29.0 % หรือ 3,394 คัน
ตัวเลขยอดขายครึ่งปีที่ออกมาถือว่าสะท้อนให้เห็นทิศทางและแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในครึ่งปีหลังว่าน่าจะเติบโต เพราะตามปกติตลาดในครึ่งปีหลังจะมียอดขายมากกว่าในครึ่งปีแรก ประกอบกับปัจจัยหนุนต่างๆ ทำให้ค่ายรถมีการปรับเป้ายอดขาย รวมไปถึงประเมินยอดขายรถรวมในประเทศว่าอาจจะทะลุล้านคัน
“เราได้ปรับเป้าหมายการขาย จากเดิมตั้งไว้เมื่อตอนต้นปี 6 หมื่นคัน แต่ตอนนี้เราขยับมาเป็น 6.5 หมื่นคัน ส่วนยอดขายของเรา 6 เดือนแรกก็เติบโตกว่า 41% ซึ่งถือเป็นผลงานที่สร้างสถิติสูงเป็นประวัติศาสตร์ของเรา ส่วนยอดขายรถยนต์รวมก็มีการประเมินใหม่เช่นเดียวกัน จากเดิมที่เราคาดว่าจะทำได้ 9.2 แสนคัน ตอนนี้เมื่อดูจากสัญญาณบวกและปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ก็คาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 1 ล้านคัน “นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ไม่ใช่แค่มาสด้าที่มีการประเมินสถานการณ์ตลาดในครึ่งปีหลังว่าจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก โดยก่อนหน้านั้น นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกทำให้ต้องประเมินสถาน การณ์ตลาดรวมและปรับเป้า โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ในปีนี้จะถึง 1 ล้านคัน
สำหรับมิตซูบิชิจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่เอ็กซ์แพนเดอร์ ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องการปรับเป้าหมายยอดขายของบริษัทอีกรอบ
“เดิมเราคาดว่ายอดขายรถยนต์รวมจะอยู่ที่ 9- 9.3 แสนคัน แต่เมื่อดูจากความต้องการซื้อรถที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี บวกกับเศรษฐกิจที่ขยายตัว รวมถึงปัจจัยอื่นๆไม่ว่าจะเป็นรถคันแรกที่ครบ 5 ปีแล้ว และจะมีบางส่วนตัดสินใจซื้อรถคันใหม่,การลงทุนในโครงการต่างๆ ของรัฐทำให้มีเม็ดเงินและมีความเชื่อมั่น ทั้งหมดนี้จึงทำให้เรามั่นใจว่าตลาดรถยนต์จนถึงสิ้นปีจเติบโต”
...เรียกว่ามั่นใจกันทุกค่ายว่า ยอดขายรถยนต์ปีนี้จะต้องปิดตัวเลขสวยงามตามเป้าหมายซึ่งใครมีโปรดักต์ใหม่ หรือทำรถออกมาโดนใจ ย่อมหมายถึงการเพิ่มโอกาสปิดการขายในช่วงที่ตลาดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,386 วันที่ 26 - 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
โดยค่ายที่มีอัตราเติบโตสูงต้องยกให้มาสด้าขายเพิ่มขึ้นถึง 40% รวมถึงน้องใหม่เอ็มจี ที่โตกว่า 100% ด้วยยอดขายรวม 12,028 คัน ขณะที่ค่ายใหญ่อื่นๆ ก็เป็นบวกกันถ้วนหน้า แต่มีหลุดไปเล็กน้อยคือฮอนด้า ที่ขายลดลง 2.6%
แม้จะมีผลกระทบจากราคาสินค้าการเกษตร และหนี้ภาคครัวเรือนสูง แต่ในภาพรวมของตลาดรถยนต์ยังมีกำลังซื้ออยู่พอสมควร สังเกตได้จากรถทุกเซ็กเมนต์ เช่นปิกอัพ ที่มียอดขาย 207,371 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% เบอร์ 1 คืออีซูซุ ดีแมคซ์ ตามมาติดๆคือโตโยต้า ไฮลักซ์รีโว่ และฟอร์ด เรนเจอร์ ส่วนอันดับอื่นๆที่ตามมาก็ถือว่ายอดขายเติบโตทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็นมิตซูบิชิ ไทรทัน ,นิสสัน นาวารา ,เชฟโรเลต โคโลราโด และมาสด้า บีที -50
ด้านพีพีวี หรือ ปิกอัพดัดแปลงมียอดขายรวม 30,061 คัน เพิ่มขึ้น 5.3% ส่วนกลุ่มเอสยูวี หรือรถอเนกประสงค์ มียอดขายรวม 38,814 คัน เพิ่มขึ้น 57.1% และเมื่อรวมทั้ง 2 เซ็ก เมนต์พบว่ายอดขายมีทั้งสิ้น 68,875 คัน เพิ่มขึ้น 29.3%
ในกลุ่มบี-เอสยูวี ที่พัฒนาบนพื้นฐานรถยนต์นั่งถือว่าแข่งขันกันรุนแรง ทั้งโตโยต้า ซี-เอชอาร์ ใหม่ การไมเนอร์เชนจ์ของฮอนด้า
เอชอาร์วี และมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ทว่ารุ่นที่ขายมากที่สุดเป็นของ เอ็มจี แซดเอส 7,565 คัน
“ยอดขายครึ่งปีแรก 12,028 คัน โตขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และทุบสถิติยอดจำหน่ายของเอ็มจี ทั้งปี 2560 เป็นที่เรียบร้อย เป็นเครื่องการันตีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ เอ็มจี อย่างแท้จริง พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 30,000 คัน ในปีนี้” นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ส่วนคอมแพ็กต์คาร์ มียอดขายรวม 29,2580 คัน เพิ่มขึ้น 6.5% ในกลุ่มนี้ ผู้เล่นที่ครองเบอร์ 1 ยังคงเป็นฮอนด้า ซีวิค, ตามมาด้วยโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส,มาสด้า 3, นิสสัน ซิลฟี,ฟอร์ด โฟกัส
ด้านตลาดรถขนาดเล็กอย่างบี-คาร์ และอีโคคาร์ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้น 142,530 คัน เพิ่มขึ้น 23.8% โดยผู้นำในกลุ่มบี-คาร์ เป็นของฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่น ฮอนด้า ซิตี้,ฮอนด้า แจ๊ซ และอันดับ 3 คือ โตโยต้า วีออส อย่างไรก็ดี ยอดขายของซิตี้ และวีออส ลดลงทั้งคู่
แม้ทุกเซ็กเมนต์จะเติบโต มีเพียงกลุ่มดี-คาร์ หรือกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลางที่มีผู้เล่นอย่างโตโยต้า คัมรี่, ฮอนด้า แอคคอร์ด และ นิสสัน เทียน่า เท่านั้นที่ยอดรวมตกลง 29.0 % หรือ 3,394 คัน
ตัวเลขยอดขายครึ่งปีที่ออกมาถือว่าสะท้อนให้เห็นทิศทางและแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในครึ่งปีหลังว่าน่าจะเติบโต เพราะตามปกติตลาดในครึ่งปีหลังจะมียอดขายมากกว่าในครึ่งปีแรก ประกอบกับปัจจัยหนุนต่างๆ ทำให้ค่ายรถมีการปรับเป้ายอดขาย รวมไปถึงประเมินยอดขายรถรวมในประเทศว่าอาจจะทะลุล้านคัน
“เราได้ปรับเป้าหมายการขาย จากเดิมตั้งไว้เมื่อตอนต้นปี 6 หมื่นคัน แต่ตอนนี้เราขยับมาเป็น 6.5 หมื่นคัน ส่วนยอดขายของเรา 6 เดือนแรกก็เติบโตกว่า 41% ซึ่งถือเป็นผลงานที่สร้างสถิติสูงเป็นประวัติศาสตร์ของเรา ส่วนยอดขายรถยนต์รวมก็มีการประเมินใหม่เช่นเดียวกัน จากเดิมที่เราคาดว่าจะทำได้ 9.2 แสนคัน ตอนนี้เมื่อดูจากสัญญาณบวกและปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ก็คาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 1 ล้านคัน “นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ไม่ใช่แค่มาสด้าที่มีการประเมินสถานการณ์ตลาดในครึ่งปีหลังว่าจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก โดยก่อนหน้านั้น นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกทำให้ต้องประเมินสถาน การณ์ตลาดรวมและปรับเป้า โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ในปีนี้จะถึง 1 ล้านคัน
สำหรับมิตซูบิชิจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่เอ็กซ์แพนเดอร์ ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องการปรับเป้าหมายยอดขายของบริษัทอีกรอบ
“เดิมเราคาดว่ายอดขายรถยนต์รวมจะอยู่ที่ 9- 9.3 แสนคัน แต่เมื่อดูจากความต้องการซื้อรถที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี บวกกับเศรษฐกิจที่ขยายตัว รวมถึงปัจจัยอื่นๆไม่ว่าจะเป็นรถคันแรกที่ครบ 5 ปีแล้ว และจะมีบางส่วนตัดสินใจซื้อรถคันใหม่,การลงทุนในโครงการต่างๆ ของรัฐทำให้มีเม็ดเงินและมีความเชื่อมั่น ทั้งหมดนี้จึงทำให้เรามั่นใจว่าตลาดรถยนต์จนถึงสิ้นปีจเติบโต”
...เรียกว่ามั่นใจกันทุกค่ายว่า ยอดขายรถยนต์ปีนี้จะต้องปิดตัวเลขสวยงามตามเป้าหมายซึ่งใครมีโปรดักต์ใหม่ หรือทำรถออกมาโดนใจ ย่อมหมายถึงการเพิ่มโอกาสปิดการขายในช่วงที่ตลาดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,386 วันที่ 26 - 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561