ดีเอสไอฟ้อง "โอ๊คกับพวก" ฟอกเงินกรุงไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เเหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยว่า ตามที่ดีเอสไอได้สอบสวนดำเนินคดีความผิดในส่วนการฟอกเงินที่เกี่ยวกับการอนุมัติ สินเชื่อโดยมิชอบของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มธุรกิจในเครือกฤษฎามหานคร เป็นคดีพิเศษที่ 36/2550
โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและอัยการร่วมสอบสวน มีการดำเนินคดีกับบุคคลและ นิติบุคคล 13 ราย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสรุปสานวนการสอบสวนส่งไปยังพนักงานอัยการ เมื่อเดือนก.พ.2560 แล้วนั้น
โดยคดีดังกล่าวมีการกล่าวหาว่ามีการฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับเครือกฤษดามหานคร โดยพบว่ามีธุรกรรมการเงินเป็นเช็คจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท เข้าไปยังกลุ่มของผู้ต้องหา
เเหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2559 ปปง. ได้มีหนังสือกล่าวโทษขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินคดีอาญากับนางเกศินี จิปิภพ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน นายวันชัย หงษ์เหิน และนายพานทองแท้ ชินวัตร รวม 4 คน ในความผิดฐานฟอกเงิน เพิ่มเติมด้วย ซึ่งดีเอสไอพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีพิเศษที่ 36/2550 มีความคืบหน้าไปมาก จึงแยก กรณีดังกล่าวโดยรับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560
เเหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการที่ร่วม สอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงสรุปสำนวนการสอบสวนและมีความเห็นเสนออธิบดีดีเอสไอ โดยอธิบดีอีเอสไอได้มีความเห็นทางคดีในฐานะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแล้ว และ ในวันนี้ จึงส่งความเห็นพร้อมสานวนการสอบสวนและตัวผู้ถูกกล่าวหาไปยังพนักงาน อัยการเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เเห่ลงข่าวจากดีเอสไอระบุว่า ส่วนกรณีที่มีผู้ร้องขอให้ดีเอสไอดำเนินการสืบสวน กรณีที่มีบุคคลอื่นได้รับเงินที่ เกี่ยวกับการกระทำความผิดจากการอนุมัติสินเชื่อของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) โดยมิชอบ ด้วยว่าเป็นความผิดอาญาหรือไม่นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้กองคดีการเงินการธนาคารและ การฟอกเงิน เป็นผู้ดำเนินการ โดยเป็นสำนวนสืบสวนที่ 253/2560 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างวิเคราะห์เส้นทาง การเงินที่มีจำนวนมากและมีความคืบหน้าไปมากแล้ว จึงได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ดีเอสไอมีหนังสือแจ้งให้นายพานทองแท้กับพวกมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อนำตัวพร้อมสำนวนคดีไปส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ แต่ฝ่ายผู้ต้องหาขอเลื่อนนัดให้เร็วขึ้น ในวันนี้เวลา 11.00 น. จึงนำตัวผู้ต้องหาไปส่งมอบให้อัยการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการคดีพิเศษ ชั้น 10 ว่า เมื่อเวลา 11.00น.เศษ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนำตัว นายพานทองเเท้ ,นางกาญจนาภา เเละนายวันชัย ผู้ต้องหา1-3คดีฟอกเงิน พร้อมสำนวนคดีเเละความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหากับพวกรวม 3 คน
โดยในเบื้องต้นพนักงานอัยการคดีพิเศษรับมอบตัวผู้ต้องหาเเละสำนวนไว้ เเละอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นพิจารณาสั่งคดีของอัยการโดยไม่ต้องมีหลักประกันเนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามารายงานตัวเอง พร้อมนัดผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 5 ก.ย. จากนั้นนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนก่อนที่จะมีคำสั่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพานทองเเท้กับพวกเข้ามารายงานตัวในวันนี้ เเละได้ทำเรื่องการปล่อยชั่วคราวในชั้นอัยการเสร็จสิ้น นายพานทองเเท้เเละพวกได้เดินทางกลับทันที
โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและอัยการร่วมสอบสวน มีการดำเนินคดีกับบุคคลและ นิติบุคคล 13 ราย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสรุปสานวนการสอบสวนส่งไปยังพนักงานอัยการ เมื่อเดือนก.พ.2560 แล้วนั้น
โดยคดีดังกล่าวมีการกล่าวหาว่ามีการฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับเครือกฤษดามหานคร โดยพบว่ามีธุรกรรมการเงินเป็นเช็คจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท เข้าไปยังกลุ่มของผู้ต้องหา
เเหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2559 ปปง. ได้มีหนังสือกล่าวโทษขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินคดีอาญากับนางเกศินี จิปิภพ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน นายวันชัย หงษ์เหิน และนายพานทองแท้ ชินวัตร รวม 4 คน ในความผิดฐานฟอกเงิน เพิ่มเติมด้วย ซึ่งดีเอสไอพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีพิเศษที่ 36/2550 มีความคืบหน้าไปมาก จึงแยก กรณีดังกล่าวโดยรับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560
เเหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการที่ร่วม สอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงสรุปสำนวนการสอบสวนและมีความเห็นเสนออธิบดีดีเอสไอ โดยอธิบดีอีเอสไอได้มีความเห็นทางคดีในฐานะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแล้ว และ ในวันนี้ จึงส่งความเห็นพร้อมสานวนการสอบสวนและตัวผู้ถูกกล่าวหาไปยังพนักงาน อัยการเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เเห่ลงข่าวจากดีเอสไอระบุว่า ส่วนกรณีที่มีผู้ร้องขอให้ดีเอสไอดำเนินการสืบสวน กรณีที่มีบุคคลอื่นได้รับเงินที่ เกี่ยวกับการกระทำความผิดจากการอนุมัติสินเชื่อของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) โดยมิชอบ ด้วยว่าเป็นความผิดอาญาหรือไม่นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้กองคดีการเงินการธนาคารและ การฟอกเงิน เป็นผู้ดำเนินการ โดยเป็นสำนวนสืบสวนที่ 253/2560 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างวิเคราะห์เส้นทาง การเงินที่มีจำนวนมากและมีความคืบหน้าไปมากแล้ว จึงได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ดีเอสไอมีหนังสือแจ้งให้นายพานทองแท้กับพวกมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อนำตัวพร้อมสำนวนคดีไปส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ แต่ฝ่ายผู้ต้องหาขอเลื่อนนัดให้เร็วขึ้น ในวันนี้เวลา 11.00 น. จึงนำตัวผู้ต้องหาไปส่งมอบให้อัยการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการคดีพิเศษ ชั้น 10 ว่า เมื่อเวลา 11.00น.เศษ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนำตัว นายพานทองเเท้ ,นางกาญจนาภา เเละนายวันชัย ผู้ต้องหา1-3คดีฟอกเงิน พร้อมสำนวนคดีเเละความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหากับพวกรวม 3 คน
โดยในเบื้องต้นพนักงานอัยการคดีพิเศษรับมอบตัวผู้ต้องหาเเละสำนวนไว้ เเละอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นพิจารณาสั่งคดีของอัยการโดยไม่ต้องมีหลักประกันเนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามารายงานตัวเอง พร้อมนัดผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 5 ก.ย. จากนั้นนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนก่อนที่จะมีคำสั่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพานทองเเท้กับพวกเข้ามารายงานตัวในวันนี้ เเละได้ทำเรื่องการปล่อยชั่วคราวในชั้นอัยการเสร็จสิ้น นายพานทองเเท้เเละพวกได้เดินทางกลับทันที
