คนจีนมองกรณีเรือล่ม‘ภูเก็ต’ แนะเข้มปราบนอมินี-ทัวร์ศูนย์เหรียญ

30 ก.ค. 2561 | 03:14 น.
จากกรณีเรือล่ม ในจ.ภูเก็ตที่เกิดขึ้น ผล กระทบที่เกิดขึ้นในมุมมองของคนจีนเป็นอย่างไรและแนวทางแก้ไขปัญหาควรเป็นเช่นไร อ่านได้จากสัมภาษณ์ นายลู่ หย่ง เจียง ผู้ช่วยผู้อำนวยการไชน่า เรดิโอ อินเตอร์เนชั่นแนล (CRI) ประจำภูมิภาคเอเชีย

china

โซเชียลมีเดียจีนกระพือข่าว

จากเหตุการณ์เรือล่มเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 มีคน จีนเสียชีวิตมาก จัดว่าเป็นโศกนาฏกรรมรุนแรงครั้งหนึ่ง และมีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็มีการสอบถามเหตุผลเพราะอะไรจึงเกิดเหตุเรือล่ม รวมถึงพากันรายงานเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในสื่อใหญ่ของจีน และโซเซียลมีเดีย โดยเฉพาะในช่วงนั้นที่เมืองไทย มีคำพูดที่กระทบจิตใจคนจีนมาก ก็เกิดกระแสความไม่พอใจในโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นมาก

เนื่องจากคนจีนมองว่าทัวร์ศูนย์เหรียญ ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดเรือล่ม เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่ออกทริปไปเที่ยวทะเลในวันดังกล่าว ไม่ได้เป็นกลุ่มทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่เป็นนักท่องเที่ยวเอฟไอที ที่มีการจองทัวร์ผ่านทางออนไลน์เข้ามาเที่ยวไทย และล้วนแต่พักในโรงแรมระดับ 5 ดาวของภูเก็ต

S__13688854

ส่วนบริษัทเรือจะเป็นนอมินีหรือไม่ คำถามคือนักท่องเที่ยวไม่ทราบหรอก ถ้าเขาเป็นนอมินีทำผิดกฎหมาย ประเทศไทยก็ต้องปราบปราม และไทยในฐานะเป็นเจ้าบ้าน“การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นความสำคัญที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด” การพูดแบบโยนความผิดแทนที่จะเห็นอกเห็นใจต่อเหตุการณ์นี้ ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในโซเชียลมีเดีย ที่ส่วนใหญ่เป็นภาคเอกชน

ส่วนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาพรวม คนจีนก็พอใจในการแก้ปัญหาในแง่การช่วยเหลือและเยียวยา แต่ก็อาจมีกระแสข่าวในโซเชียลบางส่วน พูดถึงการช่วยเหลือที่อาจไม่ทันท่วงที การบอยคอตต์ในการมาเที่ยวไทยก็อาจมีเพียงส่วนหนึ่ง แต่ภาพรวมคนจีนคงไม่คิดอย่างนั้น แต่บางส่วนอาจไม่กล้ามา เพราะมองเรื่องของความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 หรือคนที่ไม่กล้าออกทะเล ก็ปรับรายการท่องเที่ยวไปในจุดที่ไม่ไปทะเล ทั้งหลังเกิดเหตุเรือล่มสถานทูตจีนก็มีการเตือนการเดินทางเที่ยวทะเลภูเก็ตหลายครั้งว่ามีความเสี่ยงให้ระมัดระวัง

431088
จี้รัฐควรมีสิทธิ์ห้ามเรือออก

ดังนั้นยอดการยกเลิกมาไทยก็อาจจะมีบ้างในระยะนี้ ทั้งกรุ๊ปทัวร์และนักท่องเที่ยวกลุ่มเอฟไอที แต่กรุ๊ปทัวร์จะมีมากกว่า และยิ่งจากข้อมูลที่มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน พบว่าไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเรือออก จึงไม่มีหลักประกันความปลอดภัย 100% หากมีผู้ฝ่าฝืนนำเรือออกไป ถ้าอากาศแปรปรวน เกิดลมแรง มีแค่กัปตัน ลูกเรือ พึ่งไม่ได้ ก็เป็นความเสี่ยง จุดนี้เป็นข้อกังวล ซึ่งหากจะฟื้นความเชื่อมั่น “ราชการควรมีสิทธิ์ห้ามเรือออก” และขณะเดียวกันทางจีนก็กำลังรอผลการสืบสวนสอบสวนกรณีเรือล่ม รวมถึงใครบ้างต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้

ส่วนการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนว่าจะกลับมาเที่ยวไทยเหมือนเดิมเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับการสร้างหลักประกันที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่ามาเที่ยวแล้วปลอดภัย การสื่อสารที่ทำความเข้าใจถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ถ้าไทยทำได้ดี ก็เชื่อว่าผ่านไปอีกราว 2-3 เดือนจากนี้นักท่องเที่ยวก็คงกลับมาเหมือนเดิม เพราะไทยเป็นประเทศอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวจีนชอบมาเที่ยว เนื่องจากค่าใช้จ่ายไม่แพง ใกล้ คนไทยมีนํ้าใจ และอาหารการกินดี แต่ถ้าไทยยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้โดยเร็ว ก็ต้องเฝ้าระวังช่วงโกลเดนวีก หรือวันหยุดยาวในเดือนตุลาคมนี้ ที่อาจมีการหันไปเที่ยวประเทศอื่นแทนไทย

ไทยเอาจริงแก้ศูนย์เหรียญได้

นอกจากนี้ผมยังมองว่าจากปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือแม้แต่กรณีนอมินีจีน มันเป็นปัญหาด้านการท่องเที่ยวของไทยและจีน ซึ่งจีนก็ไม่อยากให้มีปัญหาในเรื่องนี้ จะเห็นว่าที่ผ่านมาประเทศจีนและไทย ก็มีความพยายามแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้มาโดยตลอด มีประกาศการขายราคาทัวร์ขั้นตํ่า เพื่อแจ้งเตือนว่าตํ่ากว่านี้จะโดนหรอก มีการแจ้งเตือนมานานแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาระหว่างคนทำธุรกิจท่องเที่ยวที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายไทย-จีน ซึ่งเป็นปัญหาหมักหมมมานาน แต่วันนี้จะเห็นว่าปัญหานี้น้อยลงมาก

เนื่องจากคนจีนที่เดินทางมาเที่ยวไทยปัจจุบันกว่า 60% เป็นกลุ่มเอฟไอที ส่วนอีก 40% เป็นกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาพรวมของคนจีนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวไทยไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะกลุ่มเอฟไอที มีการใช้จ่ายจริง พักโรงแรมหรู ดังนั้นการจะมาเหมารวมว่าไทยไม่ได้อะไรเลยจากนักท่องเที่ยวจีน เพราะมาพักแต่โรงแรมจีน ร้านขายของของคนจีน ทัวร์จีน ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด

ถ้ามองว่าจริงๆ รัฐบาลไทยควรต้องจัดการจับกุม เอาผิดผู้กระทำผิดเรื่องของนอมินีหรือแม้แต่กวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ  เหมือนประเทศอื่นๆที่รัดกุมในเรื่องนี้ และควรจะแก้มานานแล้ว แต่ที่แก้ไม่ได้ก็มองว่าอาจจะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ทับซ้อน ดังนั้นไทยในฐานะเจ้าบ้านถ้าเอาจริงผมก็เชื่อว่าจะแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้

หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3386 ระหว่างวันที่ 26 - 28 ก.ค. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว