‘asap’ รุกตลาดรถมือ2 ดันมาร์จินเพิ่มปีละ17%
นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ ให้เช่าพร้อมคนขับ ภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าทิศทางตลาดรถใหม่ 5 เดือนแรกของปีนี้ที่เติบโตถึง 20% ส่งอานิสงส์ต่อตลาดรถยนต์เช่า โดย 6 เดือนแรก บริษัทได้ส่งมอบรถยนต์ใหม่เข้ามาเพื่อรองรับการขยายการให้บริการรถยนต์ ให้เช่าแล้ว 3 พันคัน จากทั้งปีที่จะเพิ่ม 5 พันคัน โดยใช้งบลงทุนปีนี้ 5 พันล้านบาท
แผนในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นในส่วนของรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น ขยายจุดให้บริการภายในสนามบินที่ปัจจุบันมีอยู่ 7 แห่ง และนอกสนามบินภายในโชว์รูมรถโตโยต้า แอท ยูไนเต็ด สาขาเทพารักษ์ อีก 1 แห่ง รวมถึงเพิ่มฟลีตรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นเพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการเปิดโชว์รูมพื้นที่จำหน่ายรถมือสอง และรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น ในโครงการ Asap Auto Park ในเดือนกรกฎาคมนี้ บนเนื้อที่ 4 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 12 โดยใช้งบลงทุนรวม 100 ล้านบาท
[caption id="attachment_295063" align="aligncenter" width="323"]
ทรงวิทย์ ฐิติปุญญา[/caption]
โดยจะเป็นโครงการนำร่องโดยจะทำธุรกิจรูปแบบแฟรน ไชซี (Franchisee) คาดภายในปีนี้จะเซ็นสัญญาเปิดแฟรนไชส์ Asap Auto Park ได้ 4 รายในหัวเมืองท่องเที่ยวและแนวรถไฟฟ้าผ่าน เช่น เมืองพัทยา โคราช และจะขยายให้ครบ 30 จุดทั่วประเทศภายใน 5 ปี
บริษัทจะจัดงาน “ Semi nar Franchise Day” เชิญผู้สนใจเข้ามาร่วมแจงรูปแบบการทำธุรกิจร่วมกับ asap ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนจัดเตรียมรถ จัดระบบและช่องทางการจำหน่ายให้กับแฟรนไชซี แบ่งรายได้ระหว่าง asap และแฟรนไชส์ สัดส่วน 60: 40 และรายได้จากรถเช่ารายวัน 50:50
ในอดีต บริษัทมีรถเก่าขายปีละ 3-5 พันคัน ทั้ง 100% เป็นการขายแบบประมูลเหมาผู้ซื้อคือเต็นท์รถ มีมาร์จิ้นระหว่างบริษัทกับเต็นท์รถ 15-20% แต่การมีพื้นที่จำหน่ายเอง อย่างน้อยๆ คาดจะดึงมาร์จินกลับมาได้ 50% หรือประมาณ 7-8% ในแต่ละปี จากมาร์จินเฉลี่ยปัจจุบัน 10% คาดภายใน 5 ปีจะเพิ่มเป็น 15-17% โดยคาดจะมีรายได้จากขายรถมือสองเดือนละประมาณ 15-20 คัน และให้เช่ารถระยะสั้นหลักล้านบาทต่อเดือน
ส่วนการขยายตลาด asap Go จะเน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้น เพิ่มจำนวนรถให้เช่าเป็น 150 คันจากที่มี 50- 60 คัน และขยายจุดจอดรถ 100 จุดภายในสิ้นปี จากที่ปัจจุบันมี 30-40 จุด ไปยังอาคารสำนักงาน ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มจากกลุ่ม “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” แล้ว 3 โครงการ และสาขาของสถาบันการเงินโดยเร็วๆนี้จะร่วมกับพันธมิตร คือธนาคารกรุงศรีอยุธยา และกสิกรไทย เพื่อให้บริการพนักงานและลูกค้าของธนาคาร
“asap มีรถยนต์ในพอร์ตมากกว่าหมื่นๆ คัน สัดส่วน 95% เป็นรถเช่าระยะยาว เน้นกลุ่มนิติบุคคล ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถใช้รถ asap Go เป็นรถทดแทนรถหลักกรณีรถที่เช่ามีความเสียหายได้ ถือเป็นการบริหารการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์และต่อยอดให้ asap Go ทำธุรกรรมได้คล่องตัว และภายในปลายปีนี้ บริษัทจะเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าจอดคืนต่างที่ได้ จากปัจจุบันที่เช่าเสร็จต้องนำมาจอดที่เดิม”
ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมีรถยนต์ให้เช่าพร้อมบริการทั้งสิ้น 10,559 คัน โครงสร้างรายได้สัดส่วน 90% มาจากรถยนต์เช่าระยะยาว บริษัทคาดหวังว่าธุรกิจแฟรนไชส์จำหน่ายรถมือสอง จะเข้ามาเพิ่มฐานรายได้จากการขายรถโตก้าวกระโดด เป็น 20% ของรายได้รวม และภายใน 5 ปีจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% จากอัตราเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ภายในปี 5 ปี (2560-2565) รายได้บริษัทจะแตะ 5 พันล้านบาท
โดยในปีนี้คาดว่ารายได้รวมโต 25-30% ส่วนนี้มาจากยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ครบสัญญาเช่า 1.2 พันคัน
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,380 วันที่ 5-7 กรกฎาคม 2561
แผนในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นในส่วนของรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น ขยายจุดให้บริการภายในสนามบินที่ปัจจุบันมีอยู่ 7 แห่ง และนอกสนามบินภายในโชว์รูมรถโตโยต้า แอท ยูไนเต็ด สาขาเทพารักษ์ อีก 1 แห่ง รวมถึงเพิ่มฟลีตรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นเพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการเปิดโชว์รูมพื้นที่จำหน่ายรถมือสอง และรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น ในโครงการ Asap Auto Park ในเดือนกรกฎาคมนี้ บนเนื้อที่ 4 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 12 โดยใช้งบลงทุนรวม 100 ล้านบาท
[caption id="attachment_295063" align="aligncenter" width="323"]
โดยจะเป็นโครงการนำร่องโดยจะทำธุรกิจรูปแบบแฟรน ไชซี (Franchisee) คาดภายในปีนี้จะเซ็นสัญญาเปิดแฟรนไชส์ Asap Auto Park ได้ 4 รายในหัวเมืองท่องเที่ยวและแนวรถไฟฟ้าผ่าน เช่น เมืองพัทยา โคราช และจะขยายให้ครบ 30 จุดทั่วประเทศภายใน 5 ปี
บริษัทจะจัดงาน “ Semi nar Franchise Day” เชิญผู้สนใจเข้ามาร่วมแจงรูปแบบการทำธุรกิจร่วมกับ asap ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนจัดเตรียมรถ จัดระบบและช่องทางการจำหน่ายให้กับแฟรนไชซี แบ่งรายได้ระหว่าง asap และแฟรนไชส์ สัดส่วน 60: 40 และรายได้จากรถเช่ารายวัน 50:50
ในอดีต บริษัทมีรถเก่าขายปีละ 3-5 พันคัน ทั้ง 100% เป็นการขายแบบประมูลเหมาผู้ซื้อคือเต็นท์รถ มีมาร์จิ้นระหว่างบริษัทกับเต็นท์รถ 15-20% แต่การมีพื้นที่จำหน่ายเอง อย่างน้อยๆ คาดจะดึงมาร์จินกลับมาได้ 50% หรือประมาณ 7-8% ในแต่ละปี จากมาร์จินเฉลี่ยปัจจุบัน 10% คาดภายใน 5 ปีจะเพิ่มเป็น 15-17% โดยคาดจะมีรายได้จากขายรถมือสองเดือนละประมาณ 15-20 คัน และให้เช่ารถระยะสั้นหลักล้านบาทต่อเดือน
ส่วนการขยายตลาด asap Go จะเน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้น เพิ่มจำนวนรถให้เช่าเป็น 150 คันจากที่มี 50- 60 คัน และขยายจุดจอดรถ 100 จุดภายในสิ้นปี จากที่ปัจจุบันมี 30-40 จุด ไปยังอาคารสำนักงาน ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มจากกลุ่ม “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” แล้ว 3 โครงการ และสาขาของสถาบันการเงินโดยเร็วๆนี้จะร่วมกับพันธมิตร คือธนาคารกรุงศรีอยุธยา และกสิกรไทย เพื่อให้บริการพนักงานและลูกค้าของธนาคาร
“asap มีรถยนต์ในพอร์ตมากกว่าหมื่นๆ คัน สัดส่วน 95% เป็นรถเช่าระยะยาว เน้นกลุ่มนิติบุคคล ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถใช้รถ asap Go เป็นรถทดแทนรถหลักกรณีรถที่เช่ามีความเสียหายได้ ถือเป็นการบริหารการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์และต่อยอดให้ asap Go ทำธุรกรรมได้คล่องตัว และภายในปลายปีนี้ บริษัทจะเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าจอดคืนต่างที่ได้ จากปัจจุบันที่เช่าเสร็จต้องนำมาจอดที่เดิม”
ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมีรถยนต์ให้เช่าพร้อมบริการทั้งสิ้น 10,559 คัน โครงสร้างรายได้สัดส่วน 90% มาจากรถยนต์เช่าระยะยาว บริษัทคาดหวังว่าธุรกิจแฟรนไชส์จำหน่ายรถมือสอง จะเข้ามาเพิ่มฐานรายได้จากการขายรถโตก้าวกระโดด เป็น 20% ของรายได้รวม และภายใน 5 ปีจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% จากอัตราเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ภายในปี 5 ปี (2560-2565) รายได้บริษัทจะแตะ 5 พันล้านบาท
โดยในปีนี้คาดว่ารายได้รวมโต 25-30% ส่วนนี้มาจากยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ครบสัญญาเช่า 1.2 พันคัน
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,380 วันที่ 5-7 กรกฎาคม 2561