‘เมเจอร์’ฉีกแนว เปิดโรงหนังทางเลือก
เมเจอร์ ฉีกตลาดเปิด “Movie On Demand” โรงหนังทางเลือกรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เวลาน้อย ประเดิมเฟสแรกเปิดโหวตจาก 50 เรื่องยอดฮิตมาฉายซํ้า ก่อนขยายบริการคอนเสิร์ต การแสดงในปลายปี
นายนรุตม์ เจียรสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กรุ้ป จำกัด (มหาชน)ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสร้างทางเลือกให้กับกลุ่มผู้ชมภาพยนตร์ที่ไม่มีเวลาดูภาพยนตร์ในโรงตามรอบที่กำหนดจึงได้เปิดตัว “Movie On Demand” ในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ทั้ง 24 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 17 แห่ง และต่างจังหวัด 7 แห่ง เพื่อเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้ชมภาพยนตร์ โดยให้ผู้ชมสามารถโหวตเลือกชมภาพยนตร์ที่ออกจากโปรแกรมฉายไปแล้วนำกลับมาฉายใหม่ตามรอบที่ถูกเลือก โดยรูปแบบการให้บริการจะแบ่งเป็น 3 เฟสได้แก่ เฟสแรกจะเป็นการให้บริการรูปแบบการโหวตภาพยนตร์ที่อยากดู 50 เรื่องพร้อมวันเวลา และรอบการดูผ่านช่องทางเว็บไซต์ ซึ่งหากมีจำนวนโหวตสูงเกิน 100 โหวต ภาพยนตร์เรื่องนั้นๆก็จะได้รับการนำกลับมาฉายอีกครั้ง
[caption id="attachment_290034" align="aligncenter" width="336"]
นรุตม์ เจียรสนอง[/caption]
ขณะที่เฟส 2 จะเป็นการเพิ่มบริการในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ผ่านช่องทางแอพพลิเคชัน “Major Movie plus” ให้สามารถโหวตและเพิ่มบริการอื่นๆแก่ลูกค้า พร้อมกับเพิ่มจำนวนภาพยนตร์และการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต ภาพยนตร์บอลลีวูด ภาพยนตร์จีนเกาหลี เป็นต้น ขณะที่เฟสสุดท้ายจะเป็นการนำเครื่องมือการให้บริการในทุกแพลตฟอร์มของบริษัทมาพัฒนาต่อยอดเพื่อให้สามารถใช้บริการ Movie On Demand ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี
“ในช่วงที่ผ่านมามีการทดลองบริการ Movie On Demand โดยมีการจัดฉาย 1 สัปดาห์ 1 เรื่อง และพบว่ามีอัตราผู้เข้าชม 50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสสำคัญในการขยายเวลาสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการภาพยตร์อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการนำภาพยนตร์ที่ออกจากโรงกลับมาฉายใหม่ถือว่าทำได้อยู่แล้วตามสัญญากับค่ายหนัง 90 วันก่อนที่จะมีการนำออกไปฉายในแพลตฟอร์มอื่นๆ”
ทั้งนี้การให้บริการดังกล่าวจะคิดราคาค่าตั๋วหนังเริ่มต้นตั้งแต่ 150 - 220 บาท โดยวางเป้าหมายช่วง 6 เดือนแรก จะมีผู้เข้ามาซื้อตั๋วจากบริการดังกล่าวจำนวน 1 ล้านราย จากในช่วงทดลอง 8 เดือนที่ผ่านมามียอดขาย 800 ใบต่อเดือน
อย่างไรก็ตามปัจจุบันอัตราการเข้าชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ของเมืองไทยเฉลี่ย30%ขณะที่สหรัฐ อเมริกา20%และอินเดียถือว่ามีอัตราการเข้าชมสูงที่สุด40%ขณะที่ภาพรวมยอดขายตั๋วภาพยนตร์ปีนี้วางไว้ที่ 34 ล้านใบ จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 32 ล้านใบ
..........................................................................................
หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,375 ระหว่างวันที่ 17-20 มิ.ย.61
นายนรุตม์ เจียรสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กรุ้ป จำกัด (มหาชน)ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสร้างทางเลือกให้กับกลุ่มผู้ชมภาพยนตร์ที่ไม่มีเวลาดูภาพยนตร์ในโรงตามรอบที่กำหนดจึงได้เปิดตัว “Movie On Demand” ในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ทั้ง 24 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 17 แห่ง และต่างจังหวัด 7 แห่ง เพื่อเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้ชมภาพยนตร์ โดยให้ผู้ชมสามารถโหวตเลือกชมภาพยนตร์ที่ออกจากโปรแกรมฉายไปแล้วนำกลับมาฉายใหม่ตามรอบที่ถูกเลือก โดยรูปแบบการให้บริการจะแบ่งเป็น 3 เฟสได้แก่ เฟสแรกจะเป็นการให้บริการรูปแบบการโหวตภาพยนตร์ที่อยากดู 50 เรื่องพร้อมวันเวลา และรอบการดูผ่านช่องทางเว็บไซต์ ซึ่งหากมีจำนวนโหวตสูงเกิน 100 โหวต ภาพยนตร์เรื่องนั้นๆก็จะได้รับการนำกลับมาฉายอีกครั้ง
[caption id="attachment_290034" align="aligncenter" width="336"]
ขณะที่เฟส 2 จะเป็นการเพิ่มบริการในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ผ่านช่องทางแอพพลิเคชัน “Major Movie plus” ให้สามารถโหวตและเพิ่มบริการอื่นๆแก่ลูกค้า พร้อมกับเพิ่มจำนวนภาพยนตร์และการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต ภาพยนตร์บอลลีวูด ภาพยนตร์จีนเกาหลี เป็นต้น ขณะที่เฟสสุดท้ายจะเป็นการนำเครื่องมือการให้บริการในทุกแพลตฟอร์มของบริษัทมาพัฒนาต่อยอดเพื่อให้สามารถใช้บริการ Movie On Demand ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี
“ในช่วงที่ผ่านมามีการทดลองบริการ Movie On Demand โดยมีการจัดฉาย 1 สัปดาห์ 1 เรื่อง และพบว่ามีอัตราผู้เข้าชม 50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสสำคัญในการขยายเวลาสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการภาพยตร์อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการนำภาพยนตร์ที่ออกจากโรงกลับมาฉายใหม่ถือว่าทำได้อยู่แล้วตามสัญญากับค่ายหนัง 90 วันก่อนที่จะมีการนำออกไปฉายในแพลตฟอร์มอื่นๆ”
ทั้งนี้การให้บริการดังกล่าวจะคิดราคาค่าตั๋วหนังเริ่มต้นตั้งแต่ 150 - 220 บาท โดยวางเป้าหมายช่วง 6 เดือนแรก จะมีผู้เข้ามาซื้อตั๋วจากบริการดังกล่าวจำนวน 1 ล้านราย จากในช่วงทดลอง 8 เดือนที่ผ่านมามียอดขาย 800 ใบต่อเดือน
อย่างไรก็ตามปัจจุบันอัตราการเข้าชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ของเมืองไทยเฉลี่ย30%ขณะที่สหรัฐ อเมริกา20%และอินเดียถือว่ามีอัตราการเข้าชมสูงที่สุด40%ขณะที่ภาพรวมยอดขายตั๋วภาพยนตร์ปีนี้วางไว้ที่ 34 ล้านใบ จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 32 ล้านใบ
..........................................................................................
หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,375 ระหว่างวันที่ 17-20 มิ.ย.61
