SF ปรับตัวรับสังคมไร้เงินสด จัดระเบียบออนไลน์-แอพ เพิ่มช่องทางปั๊มรายได้

25 มิ.ย. 2561 | 06:21 น.
“เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น” ทรานส์ฟอร์มโรงภาพยนตร์ จัดระเบียบหลังบ้าน ปรับแอพ-ออนไลน์ รับกระแสสังคมไร้เงินสด มั่นใจตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคดิจิตอล ขณะที่หนังฟอร์มยักษ์โกยรายได้พุ่ง มั่นใจสิ้นปีกวาดยอดรายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาท

นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้รวม 5,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 20% กำไร 337 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 86% โดยมีปัจจัยมาจากภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ซึ่งปีนี้มีภาพยนตร์ Blockbuster ที่ทำรายได้สูงหลายเรื่อง อาทิ Black Panther, Avengers: Infinity War, Deadpool 2, น้อง.พี่.ที่รัก รวมถึง Jurassic World: Fallen Kingdom และในครึ่งปีหลังยังมีภาพยนตร์ดังที่รอคิวออกฉาย ไม่ว่าจะเป็น Ant-Man and the Wasp, Mission: Impossible - Fallout ฯลฯ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำรายได้และปลุกให้ธุรกิจภาพยนตร์คึกคักขึ้น

[caption id="attachment_288908" align="aligncenter" width="335"] นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์[/caption]

เอส เอฟ มุ่งขยายรายได้ด้วยการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ จึงพัฒนาขีดความสามารถในการเข้าถึงลูกค้าโดยพัฒนาแบนด์วิดธ์ของระบบหลังบ้านและปรับปรุงแอพพลิเคชัน SF Cinema และเว็บไซต์เพื่อการบริการ Online Ticketing ให้มีความสะดวก รวดเร็ว ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มพันธมิตร เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายบัตรให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น KBANK, SCB และ AIRPAY ซึ่งลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ล่วงหน้าก่อนที่จะเดินทางมาถึงหน้าโรงภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังเพิ่มเทคโนโลยีการขายบัตรชมภาพยนตร์ผ่านตู้ Kiosk ซึ่งได้แยก Payment Gateway ของธนาคารออมสินออกจากหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วปกติ ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์รวดเร็วและสะดวกสบายขึ้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคอหนังยุคดิจิตอล

ทั้งนี้เพื่อตอบรับกระแสสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) บริษัทร่วมกับพันธมิตรทำสิทธิพิเศษและโปรโมชันต่างๆ สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการชำระผ่านบัตรเครดิตและเดบิต รวมถึงบัตรสมาชิก เอส เอฟ มูฟวี่ คลับ คาร์ด ซึ่งเป็นบัตรแทนเงินสดสำหรับซื้อบัตรชมภาพยนตร์ ป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม และยังสามารถร่วมแคมเปญต่างๆ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีสมาชิกราว 9 แสนราย และทำรายได้กว่า 70 ล้านบาท

ด้านแผนลงทุนในปีนี้เอส เอฟใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 500 ล้านบาท สำหรับการขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 6 แห่ง โดยเปิดไปแล้ว 1 แห่ง ได้แก่ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า สาขาท็อปส์ พลาซ่า พะเยา ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายเพิ่มอีก 5 แห่ง ได้แก่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ชลบุรี, บิ๊กซี สระแก้ว, บิ๊กซี สมุทรสงคราม, บิ๊กซี เพชรเกษม และเทอร์มินอล 21 พัทยา และปรับปรุงโรงภาพยนตร์สาขาเดิม เพื่อให้มีความทันสมัย และอีก 100 ล้านบาทสำหรับทำกิจกรรมการตลาด
2332DEBD-49F0-49EA-AC56-92BAA5589D36 นายสุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโรงภาพยนตร์ Zigma CineStadium ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์แห่งอนาคต ซึ่งพัฒนาเป็น Premium Screen เพิ่มขึ้นจาก First Class MX4D เพื่อสร้างความบันเทิงในทุกมิติ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การชมภาพยนตร์ของลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งโรงภาพยนตร์แห่งนี้มีจุดเด่นที่ Giant Screen จอภาพยนตร์ขนาดใหญ่รองรับการฉายด้วยเครื่องฉายภาพยนตร์ Digital 4K Laser Technology ซึ่งให้ภาพคมชัดสูงสุด ระบบเสียง Dolby ATMOS ที่นั่งกว้างขวางแบบ Super Stadium ด้วย

“หลังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าแผนการเข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชนอย่างสมบูรณ์ จะมีขึ้นในปี 2562 ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบทานเพื่อเตรียมพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ”

สำหรับภาพรวมของบริษัทในปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 4,244 ล้านบาทสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาทเติบโตกว่า 14% โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากโรงภาพยนตร์ 2,683 ล้านบาท เติบโต 3% รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม 775 ล้านบาท เติบโต 12% รายได้งานธุรกิจสื่อโฆษณา 430 ล้านบาท เติบโต 28% และส่วนงานอื่นๆ 356 ล้านบาท เติบโต 4%

ปัจจุบันโรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ มีทั้งหมด 57 แห่งจำนวน 371 โรงภาพยนตร์ รวมกว่า 81,300 ที่นั่งแบ่งเป็นกรุงเทพฯ 20 แห่งจำนวน 166 โรงภาพยนตร์ และต่างจังหวัด 37 แห่งจำนวน 205 โรงภาพยนตร์

หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,374 วันที่ 14-16 มิ.ย. 2561 e-book-1-503x62-7