ทุนจีนผนึกกำลังญี่ปุ่น ลุยโครงสร้างพื้นฐาน
จีนจับมือญี่ปุ่น ลุยลงทุนในอีอีซีหลังรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศลงนามบันทึกความเข้าใจให้เอกชนผนึกกำลังร่วมลงทุน ประเดิมโครงการโครงสร้างพื้นฐาน คาดชัดเจนภายใน 2 เดือน
ในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจของเอกชนระหว่างจีนและญี่ปุ่น ในประเทศที่ 3 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ กรุงโตเกียว ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง ด้านความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนากิจกรรมทางธุรกิจของทั้ง2ประเทศร่วมกัน ภายใต้กรอบเจรจาระดับสูงด้านเศรษฐกิจ และยังจะร่วมกันสำรวจตลาดและภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่ 3 ที่ภาคเอกชนจีนและญี่ปุ่นจะเข้าไปร่วมลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม
โดยมองไทยเป็นประเทศแรกที่จะเข้ามาร่วมลงทุน จากความชัดเจนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้หารือกับระดับผู้บริหารรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศไปแล้ว จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาของทั้ง 3 ประเทศ ที่จะไปวางกรอบด้านการลงทุนให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี ที่ทางนักลงทุนจีนและญี่ปุ่นมีความสนใจที่จะจับมือร่วมประมูล ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และการพัฒนาเมืองใหม่ เป็นต้น และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะได้จัดทำรายงานเสนอไปยังรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ
“การหารือมีข้อเสนอให้ทั้ง 3 ประเทศ ไปจัดทำแผนในรายละเอียดการลงทุนว่าจะเป็นอย่างไรภายใต้เงื่อนไขที่เป็นสากล รวมทั้งให้ไปศึกษาการลงทุนในอีอีซีว่ารัฐบาลจะสนับสนุนและให้การช่วยเหลืออย่างไร และเมื่อตกลงกันได้แล้ว ให้ไปพิจารณาว่าโครงการไหนจะร่วมมือลงทุนกันได้บ้าง ซึ่งการลงนามของทั้ง 2 ประเทศครั้งนี้ ถือว่าอีอีซีอยู่ในสายตาของนักลงทุนจริงๆ”
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,371 วันที่ 3-6 มิ.ย. 2561
ในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจของเอกชนระหว่างจีนและญี่ปุ่น ในประเทศที่ 3 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ กรุงโตเกียว ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง ด้านความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนากิจกรรมทางธุรกิจของทั้ง2ประเทศร่วมกัน ภายใต้กรอบเจรจาระดับสูงด้านเศรษฐกิจ และยังจะร่วมกันสำรวจตลาดและภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่ 3 ที่ภาคเอกชนจีนและญี่ปุ่นจะเข้าไปร่วมลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม
โดยมองไทยเป็นประเทศแรกที่จะเข้ามาร่วมลงทุน จากความชัดเจนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้หารือกับระดับผู้บริหารรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศไปแล้ว จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาของทั้ง 3 ประเทศ ที่จะไปวางกรอบด้านการลงทุนให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี ที่ทางนักลงทุนจีนและญี่ปุ่นมีความสนใจที่จะจับมือร่วมประมูล ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และการพัฒนาเมืองใหม่ เป็นต้น และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะได้จัดทำรายงานเสนอไปยังรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ
“การหารือมีข้อเสนอให้ทั้ง 3 ประเทศ ไปจัดทำแผนในรายละเอียดการลงทุนว่าจะเป็นอย่างไรภายใต้เงื่อนไขที่เป็นสากล รวมทั้งให้ไปศึกษาการลงทุนในอีอีซีว่ารัฐบาลจะสนับสนุนและให้การช่วยเหลืออย่างไร และเมื่อตกลงกันได้แล้ว ให้ไปพิจารณาว่าโครงการไหนจะร่วมมือลงทุนกันได้บ้าง ซึ่งการลงนามของทั้ง 2 ประเทศครั้งนี้ ถือว่าอีอีซีอยู่ในสายตาของนักลงทุนจริงๆ”
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,371 วันที่ 3-6 มิ.ย. 2561
