โพลล์หอการค้า เผย เปิดเทอมนี้ 'พ่อแม่' อ่วม! จ่ายค่าเล่าเรียน 52,254 ล้าน

10 พ.ค. 2561 | 09:17 น.
วันที่ 10 พ.ค. 2561 - นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คาดว่าการใช้จ่ายเงินช่วงเปิดเทอมที่จะถึงในช่วงกลางเดือน พ.ค. นี้ จะมีมูลค่า 52,254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีมูลค่า 50,196 ล้านบาท ในแง่การขยายตัวถือว่าสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจเมื่อปี 2553

ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ผู้ปกครอง 59.2% ระบุว่า ยังมีความสามารถใช้จ่ายค่าเปิดเทอมได้ เพราะมองว่า เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นแล้ว แม้ยังไม่ฟื้นตัวทุกภาคส่วน แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเรียนของบุตรหลาน ยังคงใช้จ่ายด้านการเรียนอย่างเต็มที่หรือมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 16,407 บาท เพิ่มขึ้น 47.9% โดยสาเหตุเกิดจากผู้ปกครองซื้อเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่ดีขึ้นและราคาสินค้าแพงขึ้น แม้ผู้ปกครองที่ไม่มีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมถึง 40.8% ก็จะหาเงินด้วยการใช้การจำนำทรัพย์สินมากที่สุด รองลงมา คือ กู้ยืมทั้งในระบบและยืมญาติพี่น้อง


app19341565_m

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงเปิดเทอม คือ ค่าเล่าเรียน ค่าหน่วยกิต 16,289 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 13,894 บาท, ค่าบำรุงโรงเรียนตามปกติ 2,233 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 2,133 บาท, ค่าบำรุงโรงเรียนกรณีเปลี่ยนโรงเรียน (แป๊ะเจี๊ยะ) 9,877 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 9,138 บาท, ค่าหนังสือ 1,833 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,642 บาท, ค่าเสื้อผ้า 1,900 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,262 บาท และค่ารองเท้า ถุุงเท้า 978 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 772 และสำหรับค่าใช้จ่ายที่ลดลงในช่วงเปิดเทอม คือ ค่าอุปกรณ์การเรียน 1,103 บาท ลดลงจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,928 บาท และค่าบริการจัดการพิเศษ เช่น ค่าประกันชีวิต 1,553 บาท ลดลงจากปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,685 บาท

ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผู้ปกครองยังเห็นว่า การเรียนพิเศษเพิ่มเติมมีความจำเป็นในระดับชั้นประถมศึกษามากที่สุด 64.9% รองลงมา คือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 60.1% และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 56.4% โดยสาเหตุที่ให้เรียนเพิ่มเติม คือ จะได้มีความรู้เพียงพอสำหรับการแข่งขัน ต้องการให้ได้เกรดเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเรียน


02-3346

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ด้านทัศนะของผู้ปกครองที่มีต่อระบบการศึกษาไทยปัจจุบัน เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับคะแนน 7.89 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 และระดับความพึงพอใจในการปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาล มีระดับคะแนนอยู่ที่ 7.98 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นว่า หลักสูตรการศึกษาระดับปฐมวัยมีความเร่งรัดด้านการเรียนมากเกินไป 42.1% ข้อสอบวัดมาตรฐานไม่อิงกับหลักสูตรการเรียนการสอน 37.8% และจำนวนครู/อาจารย์มีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ 35.6% และผู้ปกครองต้องการให้ปรับปรุงระบบการศึกษาของไทย โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 38.5%, ภาษาในกลุ่มอาเซียน 33.5%, ด้านจริยธรรม 24.2%, ด้านวิชาชีพ 23.5%, ด้านวัฒนธรรมในกลุ่มอาเซียน 23.2%, ด้านคณิตศาสตร์ 20.4% และด้านภาษาอังกฤษ 17.6% ส่วนเรื่องมาตรฐานคุณภาพการศึกษา ส่วนใหญ่ 86.4% ยังเห็นว่าเท่าเทียมกัน และเห็นว่าโครงการเงินกู้ของรัฐบาลเพื่อการศึกษา (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)) มีความสำคัญระดับปานกลาง

"จากผลสำรวจยังพบว่า บุตรหลานเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟน, เครื่องเล่นเกมที่บ้าน, เกมออนไลน์, แท็ปเล็ต, เกมพกพาขนาดเล็ก และเกมตู้ โดยเฉลี่ยในช่วงเปิดเทอมอยู่ที่ 1.85 ชั่วโมง/วัน และโดยเฉลี่ยในช่วงปิดเทอมอยู่ที่ 3.38 ชั่วโมง/วัน ซึ่งผู้ปกครองมองว่า เล่นแล้วทำให้ไม่เสียการเรียน 68.1% โดยผู้ปกครองพยายามให้คำแนะนำถึงข้อดีข้อเสีย" ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าว


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หอการค้าชี้สงครามการค้าจีน-สหรัฐหวังรักษาตำแหน่งผู้นำโลก
หอการค้าต่างชาติชี้โอกาสไทย ต่อยอดจุดแข็ง-เชื่อมโยงCLMV


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว