พาณิชย์จัดทัพลงบุรีรัมย์! ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ "สร้างแบรนด์บุรีรัมย์" ยกระดับการค้า-บริการ

03 พ.ค. 2561 | 14:52 น.
พาณิชย์จัดทัพลงบุรีรัมย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ "สร้างแบรนด์บุรีรัมย์" ยกระดับการค้าและบริการ

'สนธิรัตน์'
ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน ทำแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จ.บุรีรัมย์ ยืนยัน พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการสร้างแบรนด์บุรีรัมย์ให้เป็นที่รู้จักและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ ทั้งการเชื่อมโยงตลาดนำสินค้าไปขายในห้าง ฟาร์มเอ้าท์เล็ต ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และเชื่อมโยงกับที่ท่องเที่ยว พร้อมรับช่วยขยายการค้าชายแดน ดันเปิดด่านสายตะกูเป็นด่านถาวร

 

[caption id="attachment_278676" align="aligncenter" width="503"] สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์[/caption]

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 3 พ.ค. 2561 ได้ประชุมร่วมกับภาครัฐและเอกชนของ จ.บุรีรัมย์ เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ จ.บุรีรัมย์ ที่โรงแรมครอสทู ไวบ์ บุรีรัมย์ โดยได้ยืนยันกับภาคเอกชนว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาและสร้างแบรนด์บุรีรัมย์ ด้วยการยกระดับการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างความแตกต่าง เพื่อให้สินค้าเป็นที่จดจำและจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการในระดับฐานราก และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล

"กระทรวงฯ พร้อมที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการตลาด โดยจะเข้ามาช่วยในการพัฒนาสินค้า และบริการโดยใช้นวัตกรรม เพื่อพัฒนาสินค้าทางการเกษตร สินค้าชุมชน และจะช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสินค้าและบริการที่ผลิตได้ โดยจะทำการเชื่อมโยงตลาดให้เข้าไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ที่เป็นพันธมิตรของกระทรวงฯ เชื่อมโยงให้นำเข้าไปจำหน่ายในฟาร์มเอ้าท์เล็ต และร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่กำลังจะมีถึง 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศ รวมถึงจะเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยว หากมาเที่ยวที่บุรีรัมย์จะต้องซื้อหาสินค้าอะไรไปเป็นของกิน ของใช้ ของฝาก ซึ่งจะทำให้สินค้ามีช่องทางจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น"


MP21-3330-1A-2

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในด้านการพัฒนาการค้าชายแดน เห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้ประกอบการใน จ.บุรีรัมย์ ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดและผลักดันให้จุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ตรงข้ามกับบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย เป็นด่านถาวร เพื่อส่งเสริมและผลักดันการค้าชายแดนไทยกับกัมพูชาให้ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นด่านที่มีโอกาสทางการค้าสูงมาก โดยเฉพาะการค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภค

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาผู้ประกอบการตามแนวชายแดนให้มีขีดความสามารถในการเป็นผู้ส่งออก โดยจะจัดโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่การค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (YEN-D Frontier) รุ่นไทย-กัมพูชา ณ จ.สระแก้ว ในช่วงต้นเดือน ก.ย. 2561 และจะเชิญผู้ประกอบการรุ่นใหม่จาก จ.บุรีรัมย์ เข้าร่วมโครงการด้วย


TP9-3347-2B

ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในด้านโลจิสติกส์ และเชื่อมโยงความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับกัมพูชา เพื่อรองรับการค้าที่ขยายตัว และพร้อมที่จะช่วยจัดตลาดการค้า เช่น ตลาดนัดชายแดน เพื่อสนับสนุนการซื้อขายสินค้าในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้า และดึงประชาชนจากกัมพูชาเข้ามาซื้อสินค้าด้วย

ปัจจุบันกัมพูชา ถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญของไทย มีพื้นที่ติดกับ 7 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ แต่ละปีมีมูลค่าการค้าชายแดนประมาณ 1.2 แสนล้านบาท โดยปี 2560 มีมูลค่าการค้า 1.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.52% และเฉพาะจุดผ่อนปรน ทางการค้าช่องสายตะกู มีมูลค่าการค้าในช่วง 2 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.พ.) รวม 30 ล้านบาท แยกเป็นส่งออก 21 ล้านบาท นำเข้า 9 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ ปูนซีเมนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้ามือสอง และสินค้าทางการเกษตร


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
คณะกก.นโยบายการจัดซื้อฯเห็นชอบร่างระเบียบการพาณิชย์รสก.เพิ่ม7 แห่ง
พาณิชย์จับมือบิ๊กอี-มาร์เก็ตเพลสตีตั๋วSMEไทยรุกค้าออนไลน์โลก


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว