ธปท.ปลื้มปี58อุ้มเอสเอ็มอี ฟื้นวิกฤติพักหนี้/Soft Loan

27 ม.ค. 2559 | 05:30 น.
ธปท.เผยยอดตัวเลขการขอความร่วมมือแบงก์พาณิชย์ช่วยเอสเอ็มอีไปแล้วกว่า 2.68 หมื่นรายจาก 2 โครงการในปี58 ชี้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสัญญา ระบุปัญหาที่พบมาจากความน่าเชื่อถือของข้อมูล ฟุ้งแบงก์ชาติทำฐานข้อมูลเอสเอ็มอีช่วยการพิจารณาสินเชื่อง่ายขึ้น

นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงประเด็นจากการขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางจนถึงขนาดเล็ก (SMEs) โดยระบุว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้ให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เอสเอ็มอีจำนวน 2 โครงการ ประกอบไปด้วย 1.การให้ความช่วยเหลือตามหนังสือเวียนของ ธปท. ที่ ธปท.ฝนส.(23)ว.665/2558 เรื่อง ขอความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2558

ทั้งนี้ ตามหนังสือดังกล่าวจะเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและขาดสภาพคล่องแต่ธุรกิจยังมีศักยภาพดำเนินต่อไปได้ โดยรูปแบบการช่วยเหลือส่วนใหญ่เป็นการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม เช่น พักชำระเงินต้นชั่วคราว การลดอัตราดอกเบี้ย หรือขยายอายุสัญญาเงินกู้ เป็นต้น ซึ่งเป็นการลดภาระหนี้ที่ต้องจ่ายรายเดือน โดยลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือดังกล่าวมีจำนวน 14,833 ราย มียอดสินเชื่อคงค้าง 123,103 ล้านบาท (ณ พ.ย. 2558)

"กลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือตามโครงการความร่วมมือดังกล่าว เป็นลูกหนี้จากหลากหลายธุรกิจ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง อุตสาหกรรมการผลิต และบริการ" นายรณดล กล่าวและว่า
ส่วนอีกโครงการเป็นการโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ของธนาคารออมสิน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีวงเงิน 1แสนล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี โดยโครงการดังกล่าวนี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 และสิ้นสุดไปเมื่อเดือนธันวาคม 2558 มีผู้ประกอบการที่ได้รับซอฟต์โลนจำนวน 12,042 ราย โดยมียอดสินเชื่อจำนวน 97,399 ล้านบาท (ณ ธ.ค. 2558)

สำหรับการชำระหนี้ที่ผ่านมาของลูกหนี้ ส่วนใหญ่ยังคงชำระหนี้ได้ตามสัญญา เนื่องจากเป็นเงื่อนไขการชำระหนี้ที่ได้รับการผ่อนปรน หรือมีการจ่ายชำระดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำ อย่างไรก็ตามหากถามว่าปัญหา หรืออุปสรรคที่พบจากโครงการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวเป็นเรื่องใด และ ธปท. มีการดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างไรนั้น คงต้องเรียนว่า ปัญหาหลักจะมาจากเรื่องการพิจารณาสินเชื่อเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ คือ ความน่าเชื่อถือของข้อมูล หรือธนาคารมีข้อมูลเอสเอ็มอีที่ไม่เพียงพอ ซึ่ง ธปท. ก็ได้มีการพัฒนาฐานข้อมูลเอสเอ็มอี เพื่อให้ธนาคารใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวประกอบการพิจารณาวิเคราะห์ธุรกิจเอสเอ็มอีให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไปแล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,125 วันที่ 24 - 27 มกราคม พ.ศ. 2559