คณะปฏิรูปพลังงาน ชงโรดแมปปฏิรูปพลังงาน 5 ปี ผ่าตัดเเผนพลังงานรัฐใหม่

15 มี.ค. 2561 | 09:01 น.
คณะปฏิรูปพลังงาน ชง โรดแมป 5 ปี ปรับการจัดการพลังงานภาครัฐใหม่ เน้นประชาชนมีส่วนร่วม แนะแยกหน่วยนโยบาย-ปฏิบัติออกจากกันเพื่อลดการแทรกแซงเชิงนโยบาย

-15 มี.ค.2561- ที่ทำเนียบรัฐบาล ดร.พรชัย รุจิประภา ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เปิดเผยว่า จากความสำคัญของภาคพลังงานต่อเศรษฐกิจและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติพลังงานซึ่งถือเป็นสาขาการผลิตที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมด้านพลังงาน 10 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีสัดส่วนโดยเฉลี่ยต่อ GDP สูงถึงร้อยละ 16 มีการลงทุนในแต่ละปีกว่า 500,000 ล้านบาท สัดส่วนของผู้ถือหุ้นพลังงาน ในตลาดหลักทรัพย์
ร้อยละ 23 และที่สำคัญพลังงานถือเป็นต้นทุนการผลิตของทุกสาขาการผลิตรวมทั้งครัวเรือนถึงร้อยละ 12

นอกจากนี้พลังงาน ยังมีการส่งรายได้ให้ภาครัฐเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศสูงถึงประมาณ 300,000 ล้านบาทต่อปี

[caption id="attachment_268601" align="aligncenter" width="503"] ดร.พรชัย รุจิประภา ดร.พรชัย รุจิประภา[/caption]

ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาและปรับเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาพลังงานใหม่ “พลังงาน”
จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ประเทศบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยการขยายการลงทุนทั้งโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และการลงทุน อุตสาหกรรมพลังงานของเอกชนโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve) อาทิ ปิโตรเคมีระยะที่ 4 ระบบกักเก็บพลังงาน และยานยนต์ไฟฟ้า ที่จะมีมูลค่าลงทุนเพิ่มอีกอย่างน้อย 300,000 ล้านบาท ภายใน 2-3 ปี ช่วยผลักดันให้ไทยมีโอกาสก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีรายได้ต่อหัวเฉลี่ยมากกว่า 15,000 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 471,300 บาทต่อปี(ค่าเงินดอลล่าร์ = 31.42 บาท ข้อมูล ณ 7 ก.พ. 61 )และสามารถเพิ่มอัตราการขยายตัว
GDP เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อปี

นอกจากนี้ การสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานทดแทน ยังส่งผลดีต่อการลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนตามข้อตกลงระหว่างประเทศได้ด้วย

ดร.พรชัย กล่าวเพิ่มว่า ปัจจุบันประเทศยังมีความเสี่ยงในการจัดหาพลังงาน ตลาดไม่เอื้อต่อการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ที่มีผลต่อการใช้และการจัดหายังไม่มีการประเมินผลกระทบและการกำหนดทิศทางพัฒนาที่ชัดเจน ตลอดจนการบริหารจัดการภาครัฐที่ผ่านมาขาดการยอมรับของประชาชนก่อให้เกิดความขัดแย้งนำไปสู่การชะงักการลงทุนอย่างเห็นได้ชัด จึงจัดทำโรดแมปการปฏิรูประยะ 5 ปี(พ.ศ.2561- 2565) เพื่อมุ่งปรับการบริหารจัดการพลังงานของภาครัฐใหม่ที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและแยกบทบาทหน่วยนโยบายกำกับ และปฏิบัติออกจากกันเพื่อลดการแทรกแซงเชิงนโยบาย ดำเนินการได้อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ปรับรูปแบบการวางแผนจัดหาพลังงานเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ปรับโครงสร้างกิจการพลังงานให้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้น พัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนมีอิสระด้านพลังงานในการผลิตเอง ใช้เองเหลือขาย ตลอดจนผลักดันการสร้างฐานรายได้ใหม่ของประเทศจากอุตสาหกรรมพลังงาน


biomass-power-plant ทั้งยังได้เขียนปฐมบทใหม่พลังงานไทย สู่กลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันประเทศ แจงความสำคัญเร่งเครื่องปฏิรูป หลังครบรอบ 10 ปี ภาคพลังงาน เกิดการลงทุนปีละ 5 แสนล้านบาท สร้างรายได้หลักให้รัฐ 3 แสนล้านบาทต่อปี มั่นใจว่า หากเดินตามโรดแมปปฏิรูปยัน เมษายน 2561 เริ่มกระบวนการนำไปสู่เสนอพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าจากประชาชนครั้งแรก ปรับปรุงแผน PDP ขยายการลงทุนสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ เร่งออกกฎหมายใหม่ไทยใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการดำเนินการตามโรดแมปการปฏิรูปในปี 2561 ภายหลังที่มีการประกาศบังคับใช้ในช่วงเดือน


เมษายน 2561 นี้ คาดว่าหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องเริ่มดำเนินการตาม Action Plan 17 ประเด็นปฏิรูปใน 6 ด้าน โดยประเด็นสำคัญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน อาทิ ริเริ่มการเสนอพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าจากประชาชนเป็นครั้งแรก โดยการปฏิรูปกำหนดให้การจัดตั้งโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ มีเงื่อนไขว่าต้องมีการพิจารณาพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าที่ประชาชนมีส่วนร่วม ในการนำเสนอผ่าน การรับรองจังหวัดและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
img_4de726a1f9da1eaf832726eca751572c โดยในปี 2561 จะต้องจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อกำหนดสิทธิประโยชน์ เกณฑ์ออกประกาศเชิญชวนให้ประชาชนเสนอพื้นที่ และทำความเข้าใประชาชนในพื้นที่ก่อนดำเนินการตามกระบวนการให้ได้พื้นที่ภายในปี 2562 รองรับการลงทุนโรงไฟฟ้าใน PDP ที่ปรับปรุงใหม่พร้อมปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ใหม่ พิจารณาการจัดหาเชื้อเพลิงให้มีความเหมาะสม จัดทำแผนที่คำนึงถึงความสมดุลรายภาค

ในปี 2561 จะจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อมาศึกษาสัดส่วนโรงไฟฟ้าฐาน ค่าความต้องการไฟฟ้า ศักยภาพแหล่งผลิต และต้นทุนรายภาค โดยการจัดททำแผน PDP ใหม่ จะต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็น และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนภายในปีที่ 2 เพื่อนำไปสู่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานตามแผนใหม่ในปีที่ 3

ขยายการลงทุนและสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ด้วยอุตสาหกรรมพลังงาน ในปี 2561 จะกำหนดมาตรการสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานทดแทน อาทิ ไม้โตเร็วสำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล โซลาร์รูฟเสรี และจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเร่งกำหนดมาตรการสนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีมูลค่าการลงทุนใน
IMG_2667 ปัจจุบันรวม 1 ล้านล้านบาท ในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ให้สามารถขยายการลงทุนเพิ่มอีก 300,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 ตลอดจนสามารถกำหนดทิศทางลงทุน และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงานของประเทศที่ได้รับการยอมรับจากผู้ลงทุน โดยการลงทุนที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาปี 2565 จะส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และเร่งออกกฎหมายและส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2561 จะเร่งรัดสนับสนุน


หน่วยงานผลักดันให้มีการใช้มาตรการบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) สำหรับหน่วยงานภาครัฐ การใช้ข้อบัญญัติเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code: BEC) เพื่อให้อาคารที่จะก่อสร้างหรือดัดแปลงขึ้นในประเทศไทย ต้องมีการใช้พลังงานเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

“คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ได้เข้ามาทำหน้าที่ปฏิรูปด้านพลังงาน ด้วยเล็งเห็นถึงโอกาสของการใช้พลังงานเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
Power-Energy_5_SEPCOL-Power-Project หากแต่การเดินตามขั้นตอนต่างๆ ของโรดแมปจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานภาครัฐหลายๆ แห่ง ที่ต้องบูรณาการความร่วมมือกันอย่างเข้มข้นขึ้น ภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ซึ่งต้องร่วมกันเป็นกลไกในการสนับสนุน และที่สำคัญที่สุด คือ ภาคประชาชน เพราะการปฏิรูปฯ ทั้งหมด

จะไม่สามารถประสบผลสัมฤทธิ์ได้ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย คณะกรรมการปฏิรูปฯ จึงต้องเร่งทำความเข้าใจในโรดแมปดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือปฏิรูปด้านพลังงานไปพร้อมๆกัน ดร.พรชัย กล่าวย้ำ