ฐานโซไซตี : ซื้อสินค้าดิวตี้ฟรี ต้องนำออกนอกประเทศ

กลายเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนกับอาณาจักร “คิงเพาเวอร์” ผู้ผูกขาดสัมปทาน “ดิวตี้ฟรี” หรือไม่ ต้องคอยติดตามดูกัน...ต่อกรณีที่ กรมศุลกากร ได้ออกประกาศ ที่ 60/2561 เรื่อง “การปฏิบัติพิธีการศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางอากาศยาน” โดยสาระสำคัญในข้อ 2.5 ระบุว่า “ของที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรขาออกในเมืองหรือร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบิน จะต้องนำออกไปราชอาณาจักรเท่านั้น หากนำกลับเข้ามาให้ผ่านการตรวจที่ช่องแดง (Goods to Declare) และชำระอากร”
เกี่ยวกับเรื่องนี้น่าสนใจว่า ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานที่ออกมาตั้งข้อสังเกต เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน 2560 ถึงอธิบดีกรมศุลกากรให้ดำเนินการตามข้อสังเกตของ สตง. เรื่องการปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมายศุลกากร โดยมีการส่งเสริมให้นำสินค้าปลอดอากรเข้ามาบริโภคในประเทศ ซึ่ง สตง.พบว่า บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ซึ่งได้รับอนุญาตให้ขายสินค้าให้กับผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศ ณ ร้านค้าปลอดอากรขาออกในสนามบินสุวรรณภูมิพบว่า บริษัทได้ดำเนินการขายของในลักษณะ Pre-Orderหรือ “ซื้อขาออก-รับขาเข้า”

โดยผู้ซื้อไม่ได้นำของ ออกไปนอกราชอาณาจักร แต่มารับสินค้าในวันเดินทางถึงประเทศไทย และจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน Sale Daily Report by Airport ที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบว่ารายการขายสินค้าปลอดอากรในลักษณะของการขายแบบ “พรีออร์เดอร์” เป็นการขายที่ผู้ซื้อชำระค่าสินค้าแล้วมารับสินค้าในวันเดินทางกลับถึงประเทศไทย
การขายของออกจากร้านค้าปลอดอากรขาออกที่ไม่ได้มีการนำของออกราชอาณาจักร  จึงไม่เป็นไปตามประกาศกรมศุลกากรที่ 20/2549 ข้อ 6.4 ที่ระบุว่า “ผู้ซื้อต้องนำออกนอกราชอาณาจักร” การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการซื้อเพื่อนำเข้ามาบริโภคภายในประเทศ ซึ่งต้องเสียภาษีอากร

และจากการสุ่มตรวจสอบการขายแบบ Pre-order ตามรายงาน Sale Daily Report by Airport เป็นเวลา3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2559 มียอดขาย Pre-order จำนวน 30,322 รายการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 164.66 ล้านบาท ซึ่งสินค้าที่ขายต้องเสียภาษีอากร(ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่กฎหมายกำหนดภาษีไว้) ได้แก่อากรขาเข้าภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากการคำนวณเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังไม่นับรวมฐานภาษีอื่น คิดเป็นมูลค่า 11.52 ล้านบาท...นั่นคือผลการตรวจสอบของ สตง.ที่ออกมา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พราวพุธ ลิปตพัลลภ บอสใหญ่บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด นำทีมผู้บริหารและพนักงานบริษัทในเครือไปร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมประจำปี ด้วยการปลูกป่าชายเลนบนเนื้อที่กว่า 14 ไร่ ที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อ.กุยบุรี  จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้โครงการ “ปลูกฟื้นฟูป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด” งานนี้ “บอสสาว”นอกจากจะเป็นตัวแทนรับมอบต้นกล้าโกงกางรวม 7,000 ต้นแล้ว ยังลงมือประเดิมลุยชายเลนปลูกเองกับมืออีกต่างหาก เรียกได้ว่าถ้าทำประโยชน์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแล้ว แดดจะร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่นค่ะ...

ปิดท้ายที่ มหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 8 MONEY EXPO HATYAI 2018 ภายใต้แนวคิด “Wealth Transformationมิติใหม่แห่งความมั่งคั่ง” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11มีนาคมนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร โดยมี วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เป็นประธานเปิดงาน ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานและเลือกใช้บริการจากธนาคารและสถาบันการเงินและการลงทุนครบวงจรได้เลย

คอลัมน์ : ฐานโซไซตี/ หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3347 ระหว่างวันที่ 11-14 มี.ค.2561