‘อาร์เอส’ดันเรตติ้งช่อง 8 พุ่ง ทุ่ม 2 พันล้านจัดเต็มคอนเทนต์เพิ่มยอดคนดูเท่าตัว

18 ม.ค. 2559 | 08:00 น.
อาร์เอส เพิ่มเรตช่อง 8 ตั้งเป้าสิ้นปียอดผู้ชมพุ่งเท่าตัว เป็น 7-8 แสนคนต่อนาที หวังดึงฐานผู้ชมและเม็ดเงินโฆษณาจากฟรีทีวีรายเดิม พร้อมเตรียมทุ่มงบ 2 พันล้านจัดเต็มคอนเทนต์ ชูละครเป็นไฮไลต์สำคัญ ตั้งเป้าหมายรายได้สิ้นปีนี้ 4.5 พันล้าน

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ภายในสิ้นปี 2559 บริษัทตั้งเป้าสร้างเรตติ้งช่อง 8 ให้เติบโตมากกว่าเท่าตัวราว 7-8 แสนคนต่อนาที จากปัจจุบันที่มียอดผู้ชมเรตติ้งกว่า 3.5 แสนคนต่อนาที และหากยอดผู้ชมเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เชื่อว่าจะสามารถดึงฐานคนดูจากช่องอื่นได้ รวมถึงรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันเรตติ้งยอดผู้ชมของช่องผู้นำที่น่าสนใจมีอยู่ 4 ช่อง ได้แก่ 1.ช่อง 7 เรตติ้ง 1.4 ล้านคนต่อนาที 2.ช่อง 3 เรตติ้ง 1 ล้านคนต่อนาที 3.เวิร์คพอยท์ 4 แสนคนต่อนาที และ4.อาร์เอส เรตติ้ง 3.5 แสนคนต่อนาที

"มุมมองเกี่ยวกับอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอล หรือฟรีทีวี มองว่าผู้เล่นรายใดที่จะเข้ามาจับกลุ่มผู้ชมนิชมาร์เก็ต จะค่อนข้างอยู่ยาก ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันที่รุนแรงในปีนี้ ค่อนข้างมีความท้าทายต่อผู้ประกอบการอย่างมาก อีกทั้งในอดีตมีหลายฝ่ายคาดการณ์ เมื่อเกิดทีวีดิจิตอลจะมียอดผู้ชมและเม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นตามปริมาณจำนวนช่อง แต่โดยส่วนตัวมองว่า วันนี้และในอนาคตจะมีฐานผู้ชมและเม็ดเงินโฆษณาจำนวนเท่าเดิมประมาณ 22 ล้านครัวเรือน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ เม็ดเงินโฆษณาจากเดิมที่เคยกระจุกตัวไม่กี่ช่อง จะกลายเป็นการกระจายตัวไปยังช่องใหม่ๆมากขึ้น และเม็ดเงินที่จะไหลออกมาจากฟรีทีวีรายเดิม ก็จะมาอยู่ในช่องทีวีที่เป็นผู้นำอันดับ 1-4"

สำหรับเรตติ้งที่ตั้งเป้าในปีนี้ จะต้องอาศัยกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์ที่แข็งแกร่ง โดยงบลงทุนด้านคอนเทนต์ปีนี้บริษัทเตรียมไว้ราว 2 พันล้านบาท โดยให้น้ำหนักกับช่อง 8 มากที่สุด เนื่องจากช่อง 8 เป็นหัวหอกในการสร้างรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่งบลงทุนเฉพาะช่อง 8 ปีนี้เตรียมไว้มากกว่า 1 พันล้านบาท แบ่งเป็น 1 พันล้านบาทสำหรับลงทุนผลิตละครใหม่กว่า 30 เรื่อง เพื่อรองรับการออกอากาศให้ครบทั้ง 7 วัน โดยปัจจุบันช่อง 8 มีทีมผลิตละครครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นผลมาจากการขยายโครงสร้างฝ่ายผลิตละคร และเซ็นสัญญากับผู้รับจ้างผลิตละครให้เฉพาะช่อง 8 อาทิ บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ของเมย์- เฟื่อง-หนุ่ม- กรรชัย, บริษัท เกียรติระพี จำกัด ของเอ๊ะ- อิศริยา สายสนั่น เป็นต้น โดยปีนี้จะผลิตละครฟอร์มยักษ์ 1 เรื่องต่อไตรมาส ได้แก่ ล่าดับตะวัน เชลยศึก และระบำไฟ เป็นต้น

ขณะที่อีก 800 ล้านบาทสำหรับลงทุนผลิตรายการวาไรตี รายการกีฬาและรายการข่าวทุกช่อง ส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านบาท สำหรับการลงทุนพัฒนาระบบไอทีและโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการจดจำและรับรู้ ช่อง 8 ออกอากาศหมายเลข 27 โดยเริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา ได้ทยอยติดตั้งป้ายโฆษณากลางแจ้งช่อง 8 ทุกจุดสำคัญทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่และเส้นทางเดินรถระหว่างเมืองจำนวนกว่า 400 แห่ง จากนั้นในวันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป จะติดตั้งสื่อบิลบอร์ดทางด่วน จอแอลอีดีบนรถเมล์ ตลอดจนจอแอลอีดีที่สนามบินสุวรรณภูมิ สถานีรถขนส่งหมอชิต สถานีรถไฟหัวลำโพง รวมถึงจอทีวีในจุดสาธารณะประเภทต่างๆ

ปัจจุบันบริษัทตั้งเป้าการขายโฆษณา แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ ระยะยาว 1 ปี 60% และการขายโฆษณาระหว่างปี 40% ซึ่งขณะนี้สามารถปิดยอดขายโฆษณาล่วงหน้าระยะยาว 1 ปีได้แล้วกว่า 50% จากเป้ารายได้ช่อง 8 ที่ตั้งไว้กว่า 2 พันล้านบาท ขณะที่ราคาโฆษณาของช่องโดยเฉลี่ยมีราคาอยู่ที่ 3 หมื่นบาทต่อนาที จากปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ย 2 หมื่นบาทต่อนาที โดยราคาเสนอขายสูงสุดในช่วงละครและรายการยอดนิยม อย่าง 8 MAX มวยไทย และมวยไทยตัดเชือก ประมาณ 2.5 -3 แสนบาทต่อนาที ซึ่งขณะนี้ถือเป็นรายการมวยที่มีเรตติ้งสูงสุดของประเทศ และจะทยอยขึ้นราคาในทุกไตรมาสตามเรตติ้งที่เพิ่มขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าส่วนที่เหลือจะสามารถปิดดีลยอดขายโฆษณาได้ตามเป้าอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจสื่ออื่นๆในเครือ อาทิ กลุ่มธุรกิจทีวีดาวเทียม และกลุ่มธุรกิจเพลง บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อเนื่อง โดยแผนธุรกิจช่อง 2 จะเดินหน้าสร้างคอนเทนต์ให้สอดรับกับคอนเซ็ปต์ใหม่ ช่อง 2 บันเทิงมาเต็ม ด้วยการเพิ่มทีมข่าวบันเทิงมืออาชีพเต็มรูปแบบกว่า 60 ชีวิต เกาะติดรายงานสดทุกสถานการณ์บันเทิง ขณะที่ธุรกิจเพลงยังคงเดินหน้าตอบโจทย์กลุ่มผู้ฟังทุกเพศทุกวัย ทั้งลูกทุ่งแท้ หมอลำ เพื่อชีวิต ป๊อป แดนซ์ และในปีนี้จะได้เห็นผลงานเพลงออกมาป้อนตลาดมากกว่า 100 ซิงเกิล และเพลงประกอบละครอีก 30 เพลง แต่ให้ความสำคัญกับช่องทางเข้าถึงผู้ฟังผ่านโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กทุกช่องทาง

แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ จะมุ่งมั่นตอบโจทย์สู่ระดับผู้นำอุตสาหกรรมทีวีเมืองไทยที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพสูงสุด พร้อมทั้งตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจสื่อ 65% ได้แก่ ช่อง 8 ประมาณ 70% คลื่นวิทยุคูล 93 ประมาณ 20% ช่อง 2 และสบายดีทีวีประมาณ 10% ขณะที่อีก 35% มาจากธุรกิจเพลง ธุรกิจอีเวนต์ และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าอัตราการทำกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 10%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,123 วันที่ 17 - 20 มกราคม พ.ศ. 2559